5. การอบรมด้านคริสตศาสนสัมพันธ์ในผู้ทำงานคำสอน
ความต้องการ
พร้อมกับสภาสังคายนาวาติกันที่ 2 พระศาสนจักรคาทอลิกฟังเสียงของพระจิตเจ้า อุทิศตนเองในการแสวงหาการฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักร การสร้างเอกภาพที่เห็นได้ชัดขึ้นมาใหม่ระหว่างคริสตศาสนิกชนซึ่งเป็นพระประสงค์ของพระคริสตเจ้า และเป็นความจำเป็นสำหรับชีวิตของพระศาสนจักรคาทอลิก (เทียบ เพื่อให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้อ 3)
เมื่อเวลาแห่งพระทรมานของพระองค์มาถึง พระเยซูเจ้าทรงภาวนา “เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน” (ยน.17:21) พระเจ้าทรงมอบเอกภาพให้กับพระศาสนจักร และพระองค์ประสงค์จะโอบกอดทุกคน มิใช่เป็นเพียงส่วนประกอบ แต่เป็นศูนย์กลางของงานพระองค์
แหล่งกำเนิดของเอกภาพคริสตชนอยู่ในพระตรีเอกภาพ ของพระบิดา พระบุตร และพระจิต สัตบุรุษเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะในพระจิตเจ้าพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตร และในพระองค์พวกเขาแบ่งปันความเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา (DE 8-9) นี่เป็นรากฐานในการแสวงหาเอกภาพคริสตชน และการเสวนาระหว่างศาสนาต่างๆ ในมิติที่ลึกซึ้ง ซึ่งเป็นความจริงที่รับการเปิดเผย
ฉะนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะวาดมโนภาพว่า การอบรมด้านฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักรในการสอนคำสอน เป็นสิ่งที่สามารถแยกออกจากการเปิดเผยของพระเจ้า ซึ่งเป็นคลังที่พระ ศาสนจักรคาทอลิกสงวนรักษาไว้
การสอนคำสอนและการอบรมด้านคริสตศาสนสัมพันธ์
คู่มือแนะแนวได้ให้หลักการและกฎเกณฑ์ต่างๆ เรื่องการฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักร ซึ่งมีกล่าวไว้ในหนังสือการสอนคำสอนในยุคปัจจุบันข้อ 32 – 33 ที่จะช่วยตอบคำถามในการสอนคำสอน ในฐานะเป็นดังเครื่องมือในการอบรมฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักร
ประการแรก การสอนคำสอนต้องชี้แจงได้อย่างชัดเจน ทั้งความแน่วแน่และเมตตาจิตต่อคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ต้องเคารพต่อฐานานุกรมของความจริง และหลีกเลี่ยงการแสดงออกหรือการกระทำใดๆ ที่อาจจะเป็นการขัดขวางการเสวนา (เทียบ UR 11)
เมื่อกล่าวถึงพระศาสนจักรอื่นๆ และกลุ่มคริสตจักรต่างๆ จำเป็นต้องแสดงถึงการสอนของเขาอย่างถูกต้องและซื่อสัตย์ พระจิตเจ้ามิได้ปฏิเสธที่จะใช้กลุ่มต่างๆ เหล่านี้เป็นดังเครื่องมือแห่งการช่วยให้รอดพ้น การกระทำดังนี้เป็นการเน้นย้ำความจริงแห่งความเชื่อ ซึ่งเกิดจากการแบ่งปันของคริสตศาสนิกชนกลุ่มต่างๆ (เทียบ CT 32)
“สิ่งหนึ่งที่คริสตชนคาทอลิกพึงได้รับจากการสอนดังกล่าวนี้คือ เป็นการช่วยให้เข้าใจความเชื่อของตนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น สร้างความใกล้ชิด และความนับถือต่อพี่น้องคริสตชนอื่นๆ ซึ่งก็จะเอื้อต่อการร่วมมือกันในการแสวงหาหนทางสู่เอกภาพในความจริงอย่างสมบูรณ์” (CT 32)
การสอนคำสอนต้องมีมิติด้านการฟื้นฟูเอกภาพระหว่างชาวคริสต์นิกายต่างๆ ด้วย อันจะก่อให้เกิดและหล่อเลี้ยงความปรารถนาเพื่อเอกภาพอย่างแท้จริง สิ่งนี้จะเป็นความจริงได้ถ้าเกิดจากความพยายามที่จริงใจ รวมทั้งมีความสุภาพเพื่อชำระตนให้บริสุทธิ์ เพื่อที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ในเส้นทางสู่เอกภาพ มิใช่ด้วยการละเลยง่ายๆ หรือการยินยอมในระดับของข้อคำสอน แต่โดยการติดตามเอกภาพที่สมบูรณ์ที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า และอาศัยเครื่องมือที่พระองค์ทรงชี้ให้เห็น (เทียบ CT 32)
ความร่วมมือในการฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักรในการสอนคำสอน
ในการเพิ่มเติมการสอนคำสอนจากปกติที่คริสตชนทุกคนต้องได้รับ พระศาสนจักรคาทอลิกสำนึกว่าในสถานการณ์แวดล้อมที่มีหลายศาสนาที่ต้องร่วมมือกัน ในการสอนคำสอนเราสามารถเติบโตขึ้นสำหรับพระศาสนจักรคาทอลิกและกลุ่มคริสตจักรอื่นๆ เช่น การร่วมมือกันในขอบเขตที่เป็นไปได้ รวมทั้งโอกาสที่มีในการเป็นพยานต่อโลกถึงความจริงแห่งพระวรสาร
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขอบเขตในการร่วมมือกันนั้น หนังสือการสอนคำสอนในยุคปัจจุบัน ข้อ 33 ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ประสบการณ์ดังกล่าวที่มีพื้นฐานทางเทววิทยาที่ร่วมกันสำหรับคริสตชนทุกคน แต่ความเชื่อของคาทอลิกและคริสตชนอื่นๆ มิได้ร่วมกันหมดทุกอย่าง ในบางกรณีมีการแตกต่างกันอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นการร่วมมือกันในระหว่างศาสนาจึงมีขอบเขตจำกัดโดยธรรมชาติ แต่มิได้หมายความว่าจะต้อง “ตัดทอน” ให้เหลือน้อยลงเฉพาะที่เห็นพ้องต้องกันเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นการสอนคำสอนมิได้หมายถึงเฉพาะการสอนหลักธรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการนำเข้าสู่ชีวิตคริสตชนที่สมบูรณ์ และนำไปสู่การมีส่วนร่วมอย่างสมบูรณ์ในศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของพระศาสนจักรด้วย ดังนั้น ที่ได้มีการหาประสบการณ์ในการร่วมมือกันระหว่างศาสนาในด้านการสอนคำสอน พึงสำนึกไว้ว่า การอบรมคริสตชนคาทอลิกของพระศาสนจักรจะต้องได้รับการประกันให้ครบถ้วน ทั้งในด้านข้อคำสอนและด้านการดำเนินชีวิตคริสตชนด้วย” (CT 33)
เราต้องมีความระมัดระวังอยู่เสมอในเรื่องสถานที่ของการอบรม ในเรื่องการฟื้นฟูเอกภาพคริสตจักรตามที่คู่มือแนะแนวได้กล่าวไว้คือ ครอบครัว เขตวัด โรงเรียน กลุ่ม สมาคม และขบวนการต่างๆ ในพระศาสนจักร
พระศาสนจักรทั้งครบ ผู้อภิบาล และสัตบุรุษต้องผูกมัดตนเอง วอนขอพระจิตเจ้าให้ประทานพระพรให้พัฒนาเอกภาพของพระศาสนจักรให้เข้มแข็ง และเพิ่มพูนความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคริสตศาสนิกชนอื่น