แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

เพลงสดุดีที่ 107
พระเจ้าทรงช่วยเหลือผู้มีความทุกข์

    สดด บทนี้ใช้ขับร้องในพิธีกรรมขอบพระคุณพระเจ้าในนามของบุคคลสี่กลุ่มที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือให้พ้นอันตราย ได้แก่ (1) คนเดินทางที่หลงทางไป (ข้อ 4-9) (2) ผู้ถูกจองจำที่ได้รับการปลดปล่อย (ข้อ 10-16) (3) คนเจ็บป่วยที่ได้รับการรักษาจากโรคภัย (ข้อ 17-22) และ (4) ผู้เดินทางทะเลที่ประสบพายุร้าย (ข้อ 23-32) ผู้ที่ขับร้องเพลงสดุดีบทนี้อาจอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามความเป็นจริงหรือโดยอุปมา  ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงช่วยเหลือคนจำนวนมากให้พ้นจากอันตรายเช่นนี้ ไม่ว่าทางร่างกายหรือทางจิตใจ และขณะนี้ก็ยังทรงกระทำเช่นเดียวกัน



1    จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์พระทัยดี
        ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
2    ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงไถ่กู้จงกล่าวเช่นนี้
        ผู้ที่พระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของศัตรู
3    และทรงรวบรวมจากแผ่นดินต่างๆ
        จากทิศตะวันออกและตะวันตก จากทิศเหนือและทิศใต้b
        จงกล่าวเช่นนี้เถิด
4    บางคนเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารและในที่เปลี่ยว
        ไม่พบทางไปยังเมืองที่มีคนอาศัย
5    เขาหิวโหยและกระหายน้ำ
        ชีวิตของเขากำลังอ่อนแรงลง
6    เมื่อต้องลำบาก เขาร้องหาพระยาห์เวห์
        พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้น
7    ทรงบันดาลให้เขาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง
        ตรงไปถึงเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่
8    เขาทั้งหลายจงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระราชกิจน่าพิศวงที่ทรงกระทำเพื่อมวลมนุษย์
9    พระองค์ประทานน้ำให้ผู้กระหายดื่ม
        ประทานอาหารดีๆให้ผู้หิวโหยกินจนอิ่ม
10    บางคนถูกจองจำอยู่ในที่มืดและในเงาแห่งความตาย
        มีความทุกข์และถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน
11    เพราะเขากบฏต่อพระบัญชาของพระเจ้า
        และดูหมิ่นแผนการของพระผู้สูงสุด
12     พระองค์ทรงให้เขาต้องทำงานหนักเพื่อปราบจิตใจให้หมดพยศ
        เมื่อเขาล้มลงก็ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือ
13    เมื่อต้องลำบาก เขาร้องหาพระยาห์เวห์
        พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้น
14    ทรงนำเขาออกมาจากความมืดและเงาแห่งความตาย
        ทรงหักโซ่ตรวนที่ล่ามเขาอยู่
15    เขาทั้งหลายจงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระราชกิจน่าพิศวงที่ทรงกระทำเพื่อมวลมนุษย์
16    พระองค์ทรงพังประตูทองสัมฤทธิ์
        และทรงหักลูกกรงเหล็ก
17    บางคนโง่เขลาเพราะประพฤติชั่วร้าย
        ได้รับทุกข์ทรมานเพราะความผิดที่กระทำ
18    เขาเบื่ออาหารทุกชนิด
        เขามาอยู่ที่ธรณีประตูแห่งความตาย
19    เมื่อต้องลำบาก เขาร้องหาพระยาห์เวห์
        พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้น
20    พระองค์ทรงส่งพระวาจามารักษาเขา
        พระองค์ทรงช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากเหวลึก
21    เขาทั้งหลายจงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระราชกิจน่าพิศวงที่ทรงกระทำเพื่อมวลมนุษย์
22    เขาทั้งหลายจงถวายเครื่องบูชาเพื่อขอบพระคุณ
        จงโห่ร้องยินดีบอกเล่าพระราชกิจของพระองค์
23    บางคนลงเรือเดินทางไปในทะเล
        ค้าขายอยู่ในท้องทะเล
24    เขาเห็นสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงกระทำ
        เห็นพระราชกิจน่าพิศวงของพระองค์ในน้ำลึก
25    เมื่อพระองค์ตรัส ก็ทรงปลุกลมพายุ
        บันดาลให้เกิดคลื่นสูงใหญ่
26    คลื่นขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า และลงไปลึกจนถึงก้นเหว
        เขาตกใจกลัวมากเพราะอันตราย
27    เขาเดินโซเซโงนเงนเหมือนคนเมาเหล้า
        ความชำนาญทั้งหมดของเขาหายไป
28    เมื่อต้องลำบาก เขาร้องหาพระยาห์เวห์
        พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้น
29    พระองค์ทรงทำให้พายุสงบลงกลายเป็นลมอ่อน
        ทรงทำให้คลื่นเงียบเสียงลง
30    เขาทั้งหลายยินดีเพราะพายุสงบ
        พระองค์ทรงนำเขาไปถึงท่าเรือที่เขาต้องการ
31    เขาทั้งหลายจงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระราชกินน่าพิศวงที่ทรงกระทำเพื่อมวลมนุษย์
32    เขาจงยกย่องพระองค์ในที่ชุมนุมประชากร
        และจงสรรเสริญพระองค์ในหมู่ผู้อาวุโส
33    พระองค์ทรงเปลี่ยนแม่น้ำให้เป็นถิ่นทุรกันดาร
        ทรงเปลี่ยนพุน้ำให้เป็นดินแห้งผาก
34    ทรงเปลี่ยนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ให้เป็นผืนดินเค็ม
        เพราะความชั่วร้ายของผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่น
35    แต่พระองค์ทรงเปลี่ยนถิ่นทุรกันดารให้เป็นหนองน้ำ
        ทรงเปลี่ยนดินแห้งผากให้เป็นพุน้ำ
36    ทรงให้ผู้หิวโหยพำนักอยู่ที่นั่น
        เขาก็สร้างเมืองเพื่ออาศัย
37    เขาหว่านข้าวในทุ่งนา และเพาะปลูกองุ่น
        ซึ่งผลิตผลมากมายให้เก็บเกี่ยว
38    พระองค์ทรงอวยพร เขาก็ทวีจำนวนขึ้นอย่างมาก
        ไม่ทรงปล่อยให้ฝูงสัตว์ของเขาลดจำนวนลง
39    แต่แล้วจำนวนของเขาก็ลดลง เขาอ่อนกำลัง
        เพราะการเบียดเบียน เคราะห์ร้าย และความทุกข์
40    พระองค์ทรงทำให้บรรดาเจ้านายต้องอับอาย
        ทรงปล่อยให้เขาเร่ร่อนไปในที่รกร้างไม่มีทางเดิน
41    แต่ทรงยกผู้ขัดสนขึ้นมาจากความทุกข์
        และทรงบันดาลให้ครอบครัวของเขามีลูกหลานมากมายเหมือนฝูงแพะแกะ
42    เมื่อผู้ชอบธรรมเห็นดังนี้ก็จะยินดี
        ส่วนคนชั่วร้ายก็จะต้องปิดปากเงียบ
43    ผู้ใดฉลาด พึงจดจำเรื่องเหล่านี้และใส่ใจไว้
        จะได้เข้าใจความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์