เพลงสดุดีที่ 39
พระเจ้าทรงเป็นความหวังของมนุษย์
ใน สดด ประเภทอ้อนวอนบทนี้ ผู้ประพันธ์ป่วยหนักและเชื่อว่าตนจะต้องตายแน่ๆ เขาตั้งใจอยู่อย่างสงบเงียบ ไม่ร้องคร่ำครวญ เพื่อไม่ให้ศัตรูดีใจที่เขาประสบความทุกข์ แต่ในที่สุดเขาก็ทนเงียบอยู่ต่อไปไม่ได้ ต้องทูลถามพระเจ้าว่าเขายังมีชีวิตสั้นๆนี้เหลืออยู่อีกเท่าไร เขาไม่ได้บ่นว่าพระเจ้า เพียงแต่วอนขอพระองค์ให้อภัยบาปของเขาซึ่งเขาคิดว่าเป็นเหตุให้เขาต้องเจ็บป่วยเช่นนี้ เขาคิดว่าชีวิตของเขาเป็นเสมือนคนเดินทางซึ่งอยู่ที่นี่วันนี้และต้องจากไปวันรุ่งขึ้น คริสตชนอาจมีความรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้ได้ แต่เขาก็มีภาษีดีกว่าผู้ประพันธ์เพลงสดุดีบทนี้ เพราะเขามีความเชื่อในการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าซึ่งประทานความหวังและชีวิตแก่ทุกคนที่เป็นศิษย์ติดตามพระองค์
สำหรับหัวหน้านักขับร้อง ตามทำนองของเยดูธูน เพลงสดุดีของกษัตริย์ดาวิด
1 ข้าพเจ้ากล่าวว่า "ข้าพเจ้าจะควบคุมวิถีชีวิตไว้เพื่อจะได้ไม่ทำบาปด้วยคำพูด
ข้าพเจ้าจะเอาขลุมครอบปากไว้ ตราบที่คนอธรรมอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
2 ข้าพเจ้าทำตนเป็นคนใบ้ นิ่งเงียบ ไม่พูด
แต่ความเจริญรุ่งเรืองของคนบาปbก็ทำให้ข้าพเจ้าทรมานใจมากยิ่งขึ้น
3 ใจของข้าพเจ้ารุ่มร้อนอยู่ภายใน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใจก็ลุกเป็นไฟ
แล้วถ้อยคำก็พรั่งพรูออกมา
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดให้ข้าพเจ้าได้รู้จุดจบ
ว่าจะต้องมีชีวิตอยู่อีกนานเท่าใด
โปรดให้ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้านั้นเปราะบางเพียงใด
5 ดูซิ พระองค์ประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าสั้นนัก
ความยาวแห่งชีวิตของข้าพเจ้าไม่มีความหมายใดเลยเมื่อเทียบกับพระองค์
มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนลมที่พัดมาเพียงวูบเดียว
6 ถูกแล้ว มนุษย์ทุกคนผ่านไปเหมือนเงา
เขากระวนกระวายโดยไร้ประโยชน์
สะสมทรัพย์สมบัติไว้ แต่ไม่รู้ว่าใครจะได้ใช้สมบัตินั้น
7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าจะหวังอะไรได้
ความหวังของข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์
8 ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความผิดทั้งปวง
อย่าให้ข้าพเจ้าต้องเป็นเป้าให้คนโง่เง่าเย้ยหยัน
9 ข้าพเจ้าเงียบแล้ว ไม่พูดอะไรอีก
เพราะพระองค์ทรงกระทำทุกอย่าง
10 โปรดทรงเลิก อย่าทรมานข้าพเจ้าอีกต่อไป
ข้าพเจ้าถูกพระองค์โบยตีจนสิ้นแรงแล้ว
11 พระองค์ทรงแก้ไขความประพฤติของมนุษย์โดยลงโทษบาปของเขา
ทรงทำลายทรัพย์สมบัติที่มนุษย์หวงแหนเหมือนกับมอดทำลาย
ถูกแล้ว มนุษย์แต่ละคนก็เหมือนลมที่พัดมาเพียงวูบเดียว
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาของข้าพเจ้า
โปรดเงี่ยพระกรรณฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้า
อย่าได้ทรงปิดพระกรรณจากเสียงร่ำไห้ของข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าเป็นเสมือนคนแปลกหน้าสำหรับพระองค์
เป็นคนร่อนเร่เหมือนบรรพบุรุษทั้งหลายของข้าพเจ้า
13 โปรดทอดพระเนตรสิ่งอื่น เพื่อข้าพเจ้าจะได้สดชื่นขึ้น
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากไปและไม่มีตัวตนอีกเลย