21. ภาวนายามทุกข์ยาก
แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าทำไม่ได้ในยามทุกข์ยาก คือ การภาวนาด้วยวิธีใด ๆ ที่เคยใช้ตามปกติ การภาวนาช่วยอะไรไม่ได้ ข้าพเจ้าหมดแรง และการภาวนาด้วยวิธีปกติก็ไร้ผล หลายคนเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้ เมื่อความทุกข์กลิ้งลงมาหาเรา และกลืนเราไว้ในความมืด การภาวนาซ้ำซากให้ “พระเจ้าจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง” หรือคำปลอบโยนว่า “เราจะภาวนาให้คุณ” หรือ “คุณจะรู้สึกดีขึ้นในไม่ช้า” ไม่สามารถช่วยให้คุณหายงุนงงและตื่นตระหนกได้ ในเวลาเช่นนี้ เราจำเป็นต้องขุดให้ลึกกว่าปกติ
เมื่อโรคร้ายแรงทำให้วันในฤดูร้อนกลายเป็นคืนในฤดูหนาว เมื่อความสัมพันธ์หลักในชีวิตของเราต้องแตกสลาย เมื่อบุตรวัยรุ่นไม่เพียงดื้อรั้น แต่ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเลยทีเดียว เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนั้น เราต้องการสวดบทภาวนาเหมือนกับบุคคลที่เคยผ่านประสบการณ์ร้าย ๆ มาก่อน และเคยอยู่ตามลำพังในความมืด ในเวลาเช่นนี้ เราจะค้นพบความสำคัญของบทสดุดี
ทั้งหมดนี้เป็นบทภาวนาที่เป็นเพื่อนเราฟันฝ่าความทุกข์ยาก เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาที่สุด เราอาจคัดค้านเทววิทยาบางข้อที่ดูเหมือนจะโทษว่าพระเจ้าเป็นผู้ส่งโรคภัยไข้เจ็บมาให้ แต่บทภาวนาเหล่านี้แสดงความกล้าพูดและความเป็นมนุษย์ออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
เพื่อนประเภทนี้แหละที่เราต้องการ เมื่อโลกของเรากำลังแตกออกเป็นเสี่ยง เราต้องการเพื่อนในที่ต่ำ คนที่เคยเข้าไปอยู่ในความมืด และบอกเล่าอย่างสงบได้ ว่าเขารอดพ้นสภาวะเหล่านั้นมาได้อย่างไร ภคินีคนหนึ่งเขียนถึงเวลาที่เธออยู่ในประเทศชิลี เมื่อภัยพิบัติมาเยือน และเธอเปรียบว่ามันเหมือนกับน้ำที่หลากเข้าท่วม
และฉันรู้ว่าไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะหนี
หรือตาย หรือจมน้ำ
รู้ว่าเมื่อน้ำทะเลมาเยือน
คุณหยุดเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่สนิท หรือรู้จักกันห่าง ๆ
และคุณยกบ้านของคุณแลกกับปราสาทปะการัง
และคุณเรียนรู้ที่จะหายใจใต้น้ำ
Carol Bialock
ในเวลาเช่นนี้ เราต้องเรียนรู้ที่จะหายใจใต้น้ำ เรียนรู้ที่จะเข้าพึ่งปัญญาของผู้อื่นที่มีเรื่องจะเล่าให้เราฟัง สำคัญที่สุดคือ เราต้องเรียนรู้จากบุรุษที่ถูกแขวนอยู่บนไม้กางเขน และเคยสัมผัสแม้แต่การถูกพระเจ้าทอดทิ้ง
คำถาม
คุณไว้ใจใครมากพอจะให้เขาแบ่งเบาช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของคุณหรือไม่ และที่ใดในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงบุคคลที่เคยเข้าไปอยู่ในความมืด – และกลับออกมาได้สำเร็จ
ลองทำดู
• อ่านบทสดุดี 73 นี่คือคำวิงวอนขอความบรรเทาจาก “ผู้กดขี่” บางประเภท แต่เราสามารถใช้ “ผู้กดขี่” เป็นสัญลักษณ์ของประสบการณ์ใดก็ตามที่กำลังบีบคั้นเรา ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บป่วย ความวิตกกังวล ความล้มเหลว ความสลดหดหู่ใจ ข้อ 1 และ 2 ระบุปัญหา ข้อ 3–12 เผยว่า “ผู้กดขี่” ประสบความสำเร็จ และเจริญรุ่งเรืองอย่างไร แต่แล้ว เราก็เห็นว่าความชั่วร้ายเหล่านั้นจะล้มลงในที่สุด (ข้อ 16-20) และถ้าเรารู้สึกขมขื่น เราจะตัดขาดตัวเราออกจากพระเจ้าเช่นกัน (ข้อ 21-22) และท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระเจ้าทรงอยู่กับเราเสมอ (ข้อ 23-28) ในบทสดุดีนี้มีทั้งคำประท้วง และความสนิทสนม – เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับใช้ภาวนาในยามทุกข์ยาก
• เราสามารถใช้บทสดุดีอื่น ๆ ในลักษณะต่อไปนี้
สดุดี 69 - เมื่อเรารู้สึกว่าถูกเบียดเบียน หรือถูกทดลอง
สดุดี 77 - เมื่อเรารู้สึกโดดเดี่ยว และไม่มีใครยอมรับ
สดุดี 51 - เมื่อเรากำลังหนักใจเพราะทำผิดพลาด
สดุดี 6 - เมื่อกำลังป่วยหนัก
ขอให้จำไว้ว่า ศัตรูที่กล่าวถึงในบทสดุดีสามารถเป็นสัญลักษณ์ของ “ศัตรู” ภายในของเรา คือ สิ่งต่าง ๆ ที่บั่นทอนกำลัง หรือโจมตีเราจากภายใน
• กางเขนเป็นสถานที่ซึ่งเราสามารถนำความทุกข์ยากของเรามาหาได้ เมื่อเราถามเกี่ยวกับความทุกข์ทรมาน พระเจ้าไม่ทรงเสนอคำตอบแบบตายตัว แต่พระองค์จะเข้าไปประทับอยู่ในคำถาม และทรงร่วมรับความทุกข์ทรมานนั้น ทรงเข้าไปอยู่ในชีวิต และในการสิ้นพระชนม์อย่างน่าสยดสยองของพระเยซูเจ้า เมื่อไม่มีสิ่งใดช่วยเราได้ จงหันไปมองกางเขน อ่านคำบอกเล่าในพระวรสาร และวาดมโนภาพว่าคุณอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย และให้ระลึกถึงความจริงว่า มีแต่พระเจ้าผู้ทนทรมานเท่านั้นที่สามารถช่วยเราทุกคนได้
• เนื่องจากการภาวนาเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำได้ยากที่สุดในยามทุกข์ยาก เราควรขอให้ผู้อื่นภาวนาให้เรา ความถือตัวประสามนุษย์มักยับยั้งไม่ให้เราขอคำภาวนาจากผู้อื่น แต่เมื่อเรารู้ว่า แม้ในเวลาที่เรา
สวดภาวนาไม่ได้ ยังมีคนอื่น ๆ ที่กำลังพยุงเราให้ยืนต่อหน้า
พระเจ้า ความรู้นั้นจะทำให้เรามีพละกำลังเพิ่มขึ้นได้มากทีเดียว
จงยอมเสี่ยง และขอร้อง และคนทั้งหลายจะรู้สึกเป็นเกียรติที่จะสวดภาวนาให้คุณ คณะนักบวชมีคุณค่าเป็นพิเศษในเรื่องนี้
พระเจ้าทรงเป็นความรัก และพระองค์ทรงโอบทั้งโลกไว้ใน อ้อมกอดเดียวกัน ทรงอุ้มเด็กทุกเชื้อชาติไว้ไม่ยอมปล่อยและเมื่อหัวใจมนุษย์กำลังแตกสลาย ภายใต้คทาเหล็กแห่งความเศร้าเมื่อนั้น เขาจะพบความเจ็บปวดเดียวกันนี้ในส่วนลึกของดวงหทัยพระเจ้า
Timotny Rees
บทภาวนา
ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงระลึกถึงมิใช่เพียงชายและหญิงผู้มีเจตนาดี
แต่โปรดทรงระลึกถึงผู้ที่มีเจตนาร้ายด้วย
โปรดอย่าทรงระลึกถึงความทุกข์ทรมานที่คนเหล่านี้กระทำต่อเรา
โปรดทรงระลึกถึงผลที่เราซื้อหามาด้วยความทุกข์ทรมานนี้
ความเป็นมิตร ความจงรักภักดี ความถ่อมตน
ความกล้าหาญ ความใจบุญ
ความใจกว้างของเรา
เจริญงอกงามขึ้นมาจากความทุกข์ทรมานทั้งหมดนี้
และเมื่อเขาเหล่านั้นมารับการพิพากษา
ขอให้ผลทั้งปวงที่เราได้มานี้
เป็นการอภัยโทษสำหรับเขาเทอญ
อาแมน