แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ป้ายบอกทาง
2.    การภาวนา และกิจการ
    พระคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยรู
    นักศึกษาเทววิทยาคนหนึ่งเคยนำพระคัมภีร์เล่มเก่า ๆ เล่มหนึ่ง และใช้กรรไกรตัดทุกข้อความที่เอ่ยถึงคนยากจน หรือความห่วงใยของพระเจ้าต่อคนตามชายขอบของสังคม หรือการเรียกร้องของพระเจ้าให้แสดงความยุติธรรมต่อผู้ถูกกดขี่ เขาใช้เวลานานมาก แต่เมื่อเขาทำเสร็จ พระคัมภีร์เล่มนั้นหลุดออกเป็นชิ้น ๆ เพราะเต็มไปด้วยรู

    บางคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้มาถึงตอนนี้ อาจเริ่มหมดความอดทน และอาจคิดว่าการภาวนาเป็นกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องเลยกับความเสี่ยงและการต่อสู้ดิ้นรนในชีวิตปกติ และอาจถึงกับดูเหมือนว่าการภาวนาเป็นการหลบหนีความเป็นจริงเข้าไปอยู่ในหมอกสีชมพูของชีวิตภายในส่วนตัว ที่ซึ่งความบรรเทาใจของชีวิตภายในเข้ามาแทนที่ความเป็นจริง ของการดำรงชีพในศตวรรษที่ 21 ที่ยุ่งยากกว่า
    ขอให้เปรียบเทียบความคิดนี้กับถ้อยคำของนักเทววิทยาชื่อ เคนเน็ธ ลีช “ชีวิตภายในที่แท้จริงไม่ใช่กิจกรรมยามว่าง หรือการเบี่ยงเบนออกจากชีวิต แต่เป็นการล้มล้างชีวิตเดิม และวิธีทดสอบความจริงแท้ของแนวทางชีวิตจิตก็คือ แนวทางนั้นต้องปฏิบัติได้จริง” หรือนักเทววิทยาผู้มีชื่อเสียงชื่อคาร์ล บาร์ธ “การประนมมือในการภาวนาเป็นจุดเริ่มต้นของการกบฏที่ต่อต้านความผิดปกติของโลก” การภาวนาของเราจะต้องเชื่อมโยงโดยตรงกับวิธีปฏิบัติตนของเรา การสวดภาวนาอย่างมีความสุขในมุมเงียบส่วนตัวของเราโดยไม่ทำสิ่งใด เพื่อแก้ไขความขัดสน และความเจ็บปวดของสังคม ย่อมไม่เพียงพอ
    มีเหตุผลชัดเจนที่เป็นเช่นนี้ การสัมผัสกับพระเจ้าผู้ทรงชีวิตย่อมผลักดันเราให้ลงมือปฏิบัติ เช่นเดียวกับที่ความสัมพันธ์ของพระเยซูเจ้ากับพระบิดาสวรรค์ของพระองค์ บังคับให้พระองค์ทรงรักษาโรคให้แก่ผู้ที่ไม่ได้รับการรักษา สัมผัสตัวบุคคลที่ห้ามสัมผัส และพบกับบุคคลตามชายขอบของสังคมในถิ่นของพระองค์เอง คำสั่งสอนของพระองค์ไม่เกี่ยวข้องกับการหาความสุขให้ตนเอง หรือการบำบัดรักษาใด ๆ ที่เห็นแก่ตัว แต่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรแห่งความยุติธรรม ความเมตตา และสันติภาพ พระองค์ทรงประกาศว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ากำลังจะมาถึงที่นั่น และเมื่อนั้น และพระองค์ทรงท้าทายประชาชนให้เข้ามาร่วมในโครงการอันยิ่งใหญ่นี้ พระองค์ไม่ได้เสด็จมาพร้อมกับผ้านวมสำหรับจิตวิญญาณ แต่เสด็จมาพร้อมกับนาฬิกาปลุกฝ่ายจิต

เราทำเช่นนี้ได้อย่างไรด้วยการภาวนา
•    คุณสามารถภาวนาเกี่ยวกับปัญหาของโลกที่คุณได้ยินจากรายงานข่าว ใช้จินตนาการของคุณวาดภาพความเดือดร้อนของมนุษย์ ขณะที่ภาวนา ถ้าคุณพบความรู้สึกต่อต้านและความสับสน ให้ต่อสู้กับพระเจ้า และกับตนเอง เหมือนยาโคบต่อสู้กับผู้มาเยือนจากสวรรค์ตลอดคืน อย่าปล่อยให้ผ่านไป
•    ฟังเสียงเล็ก ๆ ในใจของคุณที่บอกให้คุณทำบางสิ่งบางอย่างกับปัญหาที่คุณเห็นและได้ยิน ยอมให้วิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมนำพาคุณเข้าร่วมกลุ่มพิทักษ์โลก ให้ภาพของผู้ที่นอนข้างถนนในเมืองของคุณนำพาให้คุณเข้าร่วมทำงานกับสถานที่พักพิงยามกลางคืน ให้เพื่อนที่กำลังสิ้นหวังนำคุณไปเข้าอบรมทักษะการฟัง
•    ให้มองว่าการภาวนาเป็นกิจกรรมที่อันตราย นักรณรงค์เพื่อสันติภาพชื่อ แดเนียล เบอรีแกน บอกว่า “เวลาจะมาถึงในไม่ช้า และอาจมาถึงแล้วก็ได้ เมื่อการเพ่งพิศภาวนาจะกลายเป็นกิจกรรมที่ล้มล้างอำนาจ” มาร์ติน ลูเธอร์ คิง บอกว่าคริสตชนต้องเป็นคนที่ “ปรับตัวยากอย่างสร้างสรรค์” ต่อบรรทัดฐานปกติของสังคม เหตุผลก็คือการภาวนาแท้ชำระความคิด และจิตใจ ให้ปราศจากการหลอกลวงตนเอง ซึ่งพอกตัวอยู่รอบวิญญาณ การภาวนาควรปลดเปลื้องชีวิตจิตของเราจนเหลือแต่แก่น และเราอาจค้นพบพลังที่จะต่อต้านความอยุติธรรม
•    ตั้งใจไว้ว่าเมื่อคุณภาวนาให้ใครที่กำลังเดือดร้อน คุณควรถามด้วยว่า “มีอะไรบ้างที่ฉันทำได้ เพื่อว่าฉันจะเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบสำหรับคำภาวนาของฉันเอง” คุณอาจทำได้ด้วยการส่งการ์ดบอกเขาว่าคุณรักเขา และจะภาวนาให้เขา คุณอาจทำอาหารให้ครอบครัวที่กำลังทุกข์ร้อนใจ หรืออาสารีดเสื้อผ้าให้เขา หรือเพียงแต่ไปรับฟังเขาปรับทุกข์ คุณอาจทำอะไรไม่ได้มากนักในบางสถานการณ์ แต่ถึงอย่างไรก็ควรถามตนเอง
•    เมื่อคุณอ่านประวัติชีวิตของพระเยซูเจ้าในพระวรสาร ให้อ่านด้วยความเข้าใจว่าหัวใจของพระวรสารคือคำประกาศว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว”

การภาวนามีผลอย่างไรต่อพระศาสนจักร
    อนาคตของพระศาสนจักรอยู่ที่การเป็นชุมชน ที่ประท้วงความไม่ถูกต้อง แทนที่จะเป็นสังคมของคนเคร่งศาสนาที่ต้องการเอาตัวรอด Robert Jeffrey
    เป็นเพราะโลกนี้ศักดิ์สิทธิ์และดี แต่ก็บิดเบี้ยวและผิดรูปผิดร่างด้วย จึงมีบางสถานที่ที่ถูกกำหนดว่าเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับการไถ่กู้แล้ว เป็นเขตที่ได้รับการปลดปล่อยแล้ว และเรียกกลับคืนมาจากพลังของความชั่วร้าย พระศาสนจักรเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งสร้างที่ได้รับการไถ่กู้แล้ว มิใช่ที่หลบภัยจากโลกที่ยังไม่ได้รับการไถ่กู้ หากแต่เป็นการลิ้มรสล่วงหน้าการไถ่กู้ที่จะเกิดขึ้น Kenneth Leech

ภาพเปรียบเทียบ
    ชาร์ลส์ เดอ ฟูโกลด์ ผู้ก่อตั้งคณะภราดาน้อยแห่งพระเยซูเจ้าในทวีปอัฟริกาเหนือ ท่านอาศัยอยู่ในบ้านที่เรียกว่า “เรือพิฆาต” เป็นที่พักอาศัยรูปร่างเหมือนรถบรรทุกขนาดใหญ่ ปลายข้างหนึ่งเป็นพระแท่น ทำจากกล่องไม้ที่สร้างขึ้นอย่างหยาบ ๆ และมีพระคัมภีร์เล่มหนึ่งเปิดวางอยู่ ปลายอีกด้านหนึ่งเปิดไว้ตลอดเวลาให้คนเข้าออกได้ ท่านกล่าวว่าท่านพบพระเจ้าที่ปลายทั้งสองของอาคาร – ปลายข้างหนึ่งที่พระแท่น และอีกข้างหนึ่งในตัวเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเตือนให้ท่านระลึกว่าจุดประสงค์ของการภาวนาคือช่วยโลกให้รอดพ้น (แต่สุดท้าย เดอ ฟูโกลด์ ถูกฆาตกรรม โดยชนพื้นเมืองที่ท่านได้มารับใช้)

บทภาวนา
    ข้าแต่พระเจ้า เป็นพระประสงค์ของพระองค์
    ที่จะให้ทั้งสวรรค์ และโลกอยู่ในสันติสุขหนึ่งเดียว
    ขอให้แผนการแห่งความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์
    ส่องแสงบนเศษซากแห่งความโกรธ และความเศร้าของเรา
    และโปรดประทานสันติสุขแก่พระศาสนจักรของพระองค์
    สันติสุขท่ามกลางนานาชาติ สันติสุขในบ้านของเรา
    และสันติสุขในหัวใจของเรา
                            หนังสือภาวนาของนิวซีแลนด์