ฉันควรจะสวดภาวนา
ฉันจำเป็นต้องภาวนา
ฉันอยากภาวนา
แต่ฉันไม่รู้จะภาวนาอย่างไร
ฉันอยากภาวนา
แต่ฉันไม่มีเวลา
ฉันอยากภาวนามากกว่านี้
แต่ฉันว่าการภาวนาน่าเบื่อ
ฉันไม่กล้าภาวนา
ชั่วโมงแล้ว ชั่วโมงเล่า วันแล้ววันเล่า สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรืออย่างเชื่องช้า และตลอดเวลาที่เรารู้สึกถึงความต้องการในการภาวนานี้ ความรู้สึกไม่สบายลึก ๆ ในใจ ที่จะลอยขึ้นมาเมื่อพายุแห่งชีวิตมาถึง หรือเมื่อความล้มเหลวหรือการหกล้ม ที่ทิ้งร่องรอยไว้กับเรา และเราก็ร้องตะโกน “ช่วยด้วย”
- ขณะที่เราแสวงหาพระเจ้า เราต้องการพบพระองค์ เราวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เราพยายามที่จะภาวนา บางครั้งเราประสบความสำเร็จในการภาวนา แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเราและบางครั้งเราก็ไม่แน่ใจในผลของมัน
- เธอรู้ไหมว่าทำไมเราจึงห่อเหี่ยว เมื่อการวอนขอของเราไม่ได้รับคำตอบ เมื่อพระองค์ทรงเงียบและมีความมืดในดวงใจ
- เธอรู้ไหมว่าทำไมเราจึงทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา ทั้งวิธีการภาวนา เช่น บทภาวนาและบทสรรเสริญ ที่คุ้นเคย ไม่ว่าเราจะยืนคุกเข่าหรือนั่ง พิธีกรรมหรือความรู้สึกร้อนรนเมื่อคนมากมายมาร่วมภาวนา เทียนและกำยาน บทภาวนาตามสูตรต่างๆ อีกนับพันที่เราพยายามสวด บางครั้งกลับกลายเป็นภาพลวงที่โศกเศร้า เพราะว่าทั้งหมดนี้จะปราศจากความหมาย ถ้าเราไม่มีความเชื่อที่แท้จริงว่า เป็นพระเจ้าที่แสวงหาเราก่อนที่เราจะแสวงหาพระองค์เสียอีก เป็นพระองค์ที่ภาวนาถึงเราก่อนที่เราจะภาวนาถึงพระองค์ ว่าพระองค์รู้คำภาวนาของเราก่อนที่เราจะเรียบเรียงมันออกมาเสียอีก
- เราเชื่อหรือไม่ว่าพระเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางเรา ในพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นมนุษย์เหมือนเรา เชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้าเราตอบว่าเชื่อ ดังนั้นเราต้องพบพระองค์และต้อนรับพระองค์ และที่เราจะพบพระองค์ได้แน่นอนคือในพระวรสาร ไม่ใช่เพียงพระวรสารที่บันทึกชีวประวัติและคำสั่งสอนของพระองค์ และแก่นของข่าวดีที่รวบรวมโดยบรรดาสาวก นำมาพินิจรำพึงโดยกลุ่มคริสตชนดั้งเดิม และทำให้เป็นจริงโดยพระศาสนจักร พระเจ้าเข้ามาในการแสวงหากับมนุษย์ชายและหญิง และคำตอบของพวกเขาก็คือพื้นฐานที่สำคัญของการภาวนา
- อย่างไรก็ตาม คนส่วนมากมักจะตาบอด และมองไม่เห็นพระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา เรามักจะหูหนวกและไม่ได้ยินคำท้าทายของพระองค์ เวลาเราทำงานประจำวัน เราต้องวอนขอพระองค์รักษาความตาบอดและหูหนวกของเรา แล้วเราจะได้สามารถพูดกับพระองค์ เชื่อมจักรวาลและมวลมนุษยชาติกับภารกิจของพระองค์ทีละเล็กทีละน้อย ในโลกนี้ แล้วชีวิตเราจะค่อย ๆ กลายเป็นความรักที่ตอบสนองต่อความรักของพระองค์ที่เชื้อเชิญเรา
- จริง ๆ แล้ว บรรดาผู้ที่อ่านคำภาวนาแห่งชีวิต คอยถามอยู่เสมอถึงคำภาวนาเล่มใหม่ แต่ข้าพเจ้าก็ปฏิเสธ เพราะข้าพเจ้า ไม่ปรารถนาที่จะทดแทนคำภาวนาของแต่ละคนด้วยคำภาวนาของข้าพเจ้าและหนังสือภาวนาก็มีอยู่มากมายแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเล่มใหม่ก็ได้
พระเยซูเจ้าทรงดึงดูดข้าพเจ้าและข้าพเจ้าพยายามจะติดตามพระองค์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าโดยทางพระวรสาร และข้าพเจ้าก็เติบโตขึ้นโดยพระวาจา แต่พระองค์ก็ตรัสกับข้าพเจ้าผ่านทางชีวิตที่ข้าพเจ้ามองเห็นรอบตัวข้าพเจ้า ชีวิตที่ท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง “ข้าพเจ้า เก็บสิ่งต่างๆ ไว้ในใจ” คำพูดและคำภาวนาของข้าพเจ้า เป็นความพยายามตอบสนองพระองค์ด้วยความจริงใจ
- คำบางคำในบทภาวนาเหล่านี้เป็นของข้าพเจ้า บางคำเป็นของพวกท่าน และบางครั้งข้าพเจ้าก็จินตนาการว่าถ้าพระเยซูเจ้าจะตรัสกับเราอย่างไร ในเรื่องนั้นๆ เราต้องเสี่ยงที่จะพูดแทนพระองค์ เพราะพระองค์ไม่มีทางอื่นใดที่จะตรัสกับเราในโลกที่ซับซ้อนนี้ และถ้าเราเต็มเปี่ยมไปด้วยพระวรสารและทัศนคติของเราก็จะเป็นทัศนคติของพระวรสาร และเราก็สามารถถามตัวเราอย่างจริงใจได้ว่า “วันนี้พระองค์ตรัสอะไรกับฉัน โดยทางชีวิตของฉันหรือผ่านทางชีวิตของพี่น้องชายหญิงของฉัน” พระองค์คาดหวังอะไรจากเราและก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะตอบพระองค์ผ่านทางคำภาวนาและการกระทำของเรา
พระองค์ทรงคอยเราอยู่
- เดินทางปลอดภัย เพื่อนรัก และอย่าวุ่นอยู่กับการงานจนลืมมองหาพระองค์ จนกระทั่งจำพระองค์ไม่ได้ เวลาพระองค์ผ่านมา ขอให้เราสนิทกับพระองค์ อาศัยชีวิตของเรา ชีวิตของเพื่อนพี่น้องชายหญิง และชีวิตของโลก และประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ทั้งหมดนี้แหละจะกลับกลายเป็นคำภาวนาในองค์พระเยซูคริสต์
Michel Quoist.