รูปแบบของการสวดภาวนา
1. การภาวนาแบบการสนทนา (Conversation)
เป็นการพูดกับพระเจ้าอย่างเรียบง่าย และฟังพระองค์ตรัสตอบอย่างสร้างสรรค์ ให้คิดถึงช่วงเวลาแห่งมิตรภาพของท่านกับเพื่อนสนิท หรือกับบุคคลที่ท่านรักมาก เวลาส่วนมากที่ท่านสื่อสารระหว่างกันนั้นเป็นไปตามธรรมชาติและผ่อนคลาย มีการพูดคุยหยอกล้ออย่างสนุกสนาน ท่านพอใจที่จะอยู่ด้วยกันและแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตแก่กัน การสื่อสารระดับนี้คล้ายกับการภาวนาสนทนากับพระเจ้า การสวดภาวนาแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ในทุกที่และทุกเวลา
2. การภาวนาแบบรำพึง (Meditation)
เป็นการภาวนาด้วยการไตร่ตรอง โดยเฉพาะการเริ่มจากพระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์ โดยการใช้ความคิด การสร้างมโนภาพและความปรารถนา เพื่อจะทำให้ความเชื่อของเราลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่การกลับใจและมีน้ำใจเข้มแข็ง ปรารถนาจะติดตามพระคริสตเจ้า เป็นก้าวแรกเพื่อเข้าสู่ความสนิทสัมพันธ์ในความรักกับองค์พระผู้เป็นเจ้า
คิดถึงเวลาที่ท่านและเพื่อนได้มีประสบการณ์การสนทนาแบ่งปันกันอย่างลึกซึ้งแบบนี้ เมื่อเพื่อนเรียกท่านและบอกว่า “เราคงต้องคุยกันอย่างจริงจัง” และท่านก็จะรู้ทันทีว่าจะสนทนาเป็นเวลานาน ท่านทั้งสองหาที่สงบเงียบ ไม่มีอะไรมารบกวน ท่านมองกันและกันอย่างตั้งใจ และแลกเปลี่ยนสัญญาณที่ส่งถึงกันทั้งด้วยสายตาและภาษากายต่างๆ ท่านแบ่งปันและรับฟังอย่างลึกซึ้ง การพบกันแบบนี้ยืนยันว่าท่านรักกันและกันอย่างลึกซึ้ง
3. การภาวนาแบบญาณทัศน์ (Contemplation)
การภาวนาแบบญาณทัศน์คือการพิศเพ่งพระเจ้าในความเงียบและความรัก เป็นพระพรของพระเจ้า เป็นช่วงเวลาของความเชื่ออย่างแท้จริง ในช่วงเวลานั้น ผู้ที่ภาวนาแสวงหาพระคริสตเจ้า วางตัวให้อยู่ในน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยความรักของพระบิดาและระลึกถึงการเป็นอยู่ของตนภายใต้การกระทำของพระจิต
- สุดท้ายมีการสื่อสารอีกชนิดหนึ่งที่น่าชื่นชมยินดีที่เพื่อนๆ แบ่งปันความรักให้กันและกันอย่างลึกซึ้ง ในขณะนั้น พวกเขาแบ่งปันประสบการณ์ เช่น การเฝ้าดูดวงอาทิตย์ตก นั่งอยู่ด้วยกันที่ระเบียงบ้านในเย็นวันหนึ่งของฤดูร้อน การฟังดนตรี และไม่มีการพูดอะไร ซึ่งจริงๆ แล้ว คำพูดอาจทำให้มนต์ขลังของช่วงเวลานั้นหมดไป เพื่อนๆ มาอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ พวกเขาพบกันที่กลางใจ ไม่ต้องใช้คำพูด