ชาวคาทอลิกกว่า 400 คน ในเดนเวอร์ (Denver) ได้แห่ศีลมหาสนิทไปรอบๆ คลินิกทำแท้งที่ใหญ่ที่สุดของรัฐในวันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม งานนี้จัดขึ้นโดยอัครสังฆมณฑลเดนเวอร์ (Archdiocese of Denver) เป็นระยะเวลา 40 วันเพื่อรณรงค์เรื่องการปกป้องชีวิต และเยียวยาจิตใจของผู้เจ็บปวดที่เกิดจากการทำแท้ง ในขบวนแห่ศีลมหาสนิทนั้น มีชายสองคนในขบวนถือรูปขนาดใหญ่ของพระแม่มารีย์แห่งกวาดาลูเป ซึ่งเป็นองค์อุปถัมถ์ของสตรีมีครรภ์ทั้งหลาย
จึงขอเล่าเรื่องหนึ่งจากสารวัดพระมารดานิจจานุเคราห์ คลองจั่น ฉบับวันที่ 2 มกราคม 2011 โดยคุณพ่อสุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์ เล่าว่า มีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งไปขอพบคุณพ่อเจ้าวัดของเธอ เธอมีท้องกับแฟนหนุ่มที่เธอรักมาก นี่คือปัญหาใหญ่มากในชีวิตของเธอ และก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครได้นอกจากพระสงฆ์ สิ่งที่เธอขอให้พ่อองค์นั้นช่วยก็คือ ขอให้ช่วยเธอพ้นจากปัญหาด้วยการให้อนุญาตทำแท้ง คุณพ่อถามเธอว่า “ทำไมเธอจึงอยากทำแท้ง” คำตอบก็คือ เธอรักแฟนหนุ่มคนนี้มาก และเขาก็บอกว่าถ้าเธอไม่ทำแท้ง เขาก็จะทิ้งเธอไป เธอไม่อยากสูญเสียเขาไป พูดง่าย ๆ ก็คือ ยอมฆ่าลูกเพื่อรักษาแฟนเอาไว้ คุณพ่อบอกเธอว่า ขอให้เธอทำตามที่พ่อขอร้อง 3 ประการ แล้วจะพบทางออกที่ดี ซึ่งเธอก็ยอมทุกประการ คือ พ่อขอให้เธอสวดภาวนาด้วยกัน คุยกับคุณหมอที่พ่อรู้จัก และสุดท้ายก็คือ นั่งชมวีดีโอเกี่ยวกับการให้กำเนิดด้วยกัน หลังจากนั้น บางอย่างก็ได้ดลใจผู้หญิงคนนี้ เธอกลับบ้านไปด้วยจิตใจที่สับสน
คุณพ่อองค์นั้นรู้สึกเป็นห่วงจึงคุกเข่าลงสวดภาวนาต่อหน้ารูปพระแม่มารีย์แห่งกวาดาลูเป ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์ของสตรีมีครรภ์ทั้งหลาย ฝากเด็กสาวคนนั้นไว้กับพระนาง หลังจากนั้นหนึ่งปี เด็กสาวคนนั้นกลับมาเคาะประตูบ้านคุณพ่อ พร้อมทั้งนำทารกน้อยที่เป็นเด็กผู้หญิงมาด้วย มาขอบคุณคุณพ่อที่ช่วยให้เธอพบสิ่งที่เธอเรียกว่า “สมบัติล้ำค่า” ที่สุดในชีวิตของเธอ และที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ เธอได้กลายเป็นผู้ที่มีความศรัทธาต่อแม่พระแห่งกวาดาลูเปอย่างมาก เธอตั้งใจจะสอนลูกสาวของเธอให้มีความรักต่อแม่พระเช่นกัน
เห็นมั้ยครับ นี่คือการให้ชีวิต แทนที่จะทำลาย เปลี่ยนมาเป็นการให้ และเมื่อได้ให้แล้ว ก็กลับกลายเป็นการรับที่มีความสุขที่สุด พ่อจินตนาการเอาเองนะครับ ถ้าเด็กหญิงคนนี้ทำแท้ง เธอจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เป็นทุกข์ไปตลอดและก็ไม่ได้หมายความว่า แฟนหนุ่มจะรักเธอมากขึ้น ดีไม่ดีอาจจะทิ้งเธอไปเลยก็ได้ เธอจะได้รับอะไรบ้าง เพียงการให้ “ชีวิต” เธอก็ได้รับความสุขที่สุดแล้ว
ในเดือน “ตุลาคม” เดือนแห่งแม่พระลูกประคำ มีการรณรงค์สวดสายประคำและร่วมโครงการเดือน “สายประคำโลก” ด้วยวัตถุประสงค์ห้าข้อของการสวดสายประคำ วัตถุประสงค์ประการแรก คือ เพื่อสิทธิของเด็กทารกในครรภ์มารดาที่จะเกิด (the unborn) โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยของเราได้มีการแก้ไขกฎหมายอาญาว่าด้วยการทำแท้ง อนุญาตให้แพทย์ยุติการตั้งครรภ์ได้ในข้อบ่งชี้ที่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพกาย การข่มขืนและการล่วงละเมิดอายุผู้หญิงน้อยกว่า 15 ปี ปัญหาสุขภาพจิตใจ ทารกที่มีความเสี่ยงผิดปกติกาย-ใจ และที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์
จึงอยากเชิญชวนพวกเรา สวดสายประคำเพื่อบรรดาสตรีมีครรภ์ และบรรดาสตรีที่ต้องทุกข์ทรมานใจจากการทำแท้ง โดยฝากสตรีเหล่านี้ไว้กับพระแม่มารีย์แห่งกวาดาลูเป
พระแม่มารีย์แห่งกวาดาลูป
ทรงประจักษ์แก่ ยวง ดิเอโก ประเทศเม็กซิโก ค.ศ.1531
พระวิหารแม่พระกวาดาลูป สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1700 ณ เชิงภูเขา เตเปย้าก ใกล้เมืองเม็กซิโกนั้น เป็นสำคัญพิเศษแห่งความรักในการแพร่ธรรมของพระนาง ซึ่งแตกต่างจากธรรมดา พระนางทรงสอนผู้ที่พระนางทรงพอพระทัย ชื่อวัดมารีอาแห่งกวาดาลูป เป็นชื่อที่พระมารดาเองประทาน เพราะพระมารดานิรมล ได้ประจักษ์มาในแคว้นอาสเตก มีรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณของหญิงสาวชาวอาสเตก และทรงเรียกบุคคลผู้อยู่ในแคว้นนั้นว่า "บุตรของเรา" พระนางทรงนำความรอดอันยิ่งใหญ่คือ ผลของการไถ่บาปมนุษย์ของพระบุตรมาสู่ชาวอาสเตก (Astec)
ในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 1531 ชาวอินเอียนแดงผู้หนึ่งชื่อ ยวง ดิเอโก (Juan Diego) ขึ้นไปที่ตำบลเตเปย้าก ที่เม็กซิโก เพื่อจะไปวัดที่วานเตียโก ตลาดเตโลโก เป็นวัดของฤษีคณะฟรันซิสกัน เพื่อไปร่วมถวายบูชามิสซาเป็นเกียรติแด่พระมารดา คริสตังใหม่ผู้นี้มีความเชื่อมั่นคง ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ เขาเป็นพ่อม่าย ตั้งแต่ลูเซียภรรยาของเขาถึงแก่กรรม เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสวดภาวนา เช้าวันนั้นเขาเดินทางไปถึงภูเขาเตเปย้าก ได้ยินเสียงเพลงไพเราะอ่อนหวาน เขาหยุดมองดูยอดเขาเพื่อจะฟังว่าเสียงนั้นมาจากไหน เขาประหลาดใจที่เห็นก้อนเมฆขาวสว่างทอแสงเป็นสีรุ้งงามตา เขารู้สึกสบายใจเหมือนอยู่ในสวรรค์ เขาพิศวงงงงวยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อรวบรวมสติได้ก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานของสตรีซึ่งมาจากเมฆนั้น เรียกชื่อเขา แล้วเชิญให้เข้าไปใกล้ ยวงไม่เสียเวลาคิดรีบปีนขึ้นบนเขานั้น
พอถึงยอดเขา ก็เห็นสตรีงามมากในแสงสว่างอันรุ่งโรจน์จนแสบตา พระพักตร์ค่อนข้างคล้ำเหมือนชาวพื้นเมือง อาภรณ์ส่องแสงดังจะเปลี่ยนศิลาที่กระทบให้กลายเป็นเพชร สตรีงามพูดภาษาอาสเตกด้วยสำเนียงอ่อนหวานว่า "ลูกรัก จะไปไหน?" ยวงตอบด้วยความเคารพว่า "ผมจะไปเม็กซิโกเพื่อร่วมถวายมิสซาซึ่งพระสงฆ์ของพระเป็นเจ้าถวายเพื่อเรา"
สตรีงามกล่าวว่า "ลูกรักของแม่ แม่คือ มารีอา ผู้เป็นพรหมจารี และมารดาพระเจ้า พระผู้ทรงผู้สร้างสรรพสิ่งและอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม่ปรารถนาให้เขาสร้างวัดในที่นี้ ณ วัดนี้ แม่..... มารดาผู้รักชาวอินเดียนจะแสดงความเมตตาอย่างลึกซึ้งสำหรับผู้ที่มาหาแม่ ในวัดนี้แม่จะฟังคำภาวนาและบรรเทาความทุกข์ของผู้ทุกข์ร้อน เพื่อให้สำเร็จตามความปรารถนานี้ ลูกจงไปเมืองเม็กซิโก ไปหาท่านสังฆราชบอกท่านว่า แม่เองส่งลูกให้ไปหาเพื่อให้ท่านสร้างวัด ณ ที่นี้ จงบอกท่านให้ทราบถึงสิ่งที่ลูกได้เห็นและได้ยิน อย่าเป็นห่วง แม่จะตอบแทนภาระซึ่งแม่จะมอบนี้ และลูกจะได้มีเกียรติด้วย"
ยวงกราบลงกล่าวว่า "ผมจะไปทันที ผมจะกระทำตามที่ท่านบอก ผมจะรับใช้ท่าน" แล้วยวงก็ตรงไปยังสำนักพระสังฆราช
พระสังฆราชผู้นี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราชแห่งเม็กซิโก แต่ยังมิได้รับการอภิเษก ชื่อคุณพ่อยวงแห่งซูมาร์รากา ยวงดิเอโกไปถึงสำนักพระสังฆราช เต็มตื้นไปด้วยความยินดี แต่แล้วเขาก็เริ่มพบอุปสรรค คนรับใช้ของพระสังฆราช เห็นอาการซอมซ่อของผู้ขอเข้าพบพระสังฆราชแต่เช้าเช่นนี้ ก็พยายามหาเรื่องหน่วงเหนี่ยวไว้มิให้พบ แต่ยวงไม่หมดหวัง เขานั่งรออยู่ที่นั้นจนกว่าเหตุขัดข้องต่างๆ จะหมดไป คนใช้เมื่อเห็นเขานั่งรออยู่เป็นชั่วโมงๆ ทั้งโกรธทั้งแปลกใจ ในที่สุดก็ยอมให้เข้าพบท่านสังฆราช
ยวงดิเอโกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านสังฆราชฟัง ท่านฟังทุกอย่างด้วยความแปลกใจ แต่ด้วยความรอบคอบ ท่านไม่แสดงความรู้สึก ท่านคิดแต่ในใจว่ายวงดิเอโกเป็นผู้ได้รับศีลล้างบาปใหม่ๆ อาจฝันไป หรืออาจเป็นการล่อลวงของปีศาจก็ได้ ท่านบอกกับยวงว่าจะพิจารณาดูก่อน ยวงดิเอโกออกจากสำนักท่านสังฆราชด้วยความน้อยใจคิดว่า "แน่ละ คิดดูซิ ใครจะมาเชื่อชาวอินเดียนจนๆ ไม่มีความรู้อย่างฉัน" สิ่งที่เขาเสียใจก็คือ พระประสงค์ของพระมารดาไม่ได้รับการตอบสนองอย่างสมควร เขากลับมาจากเมือง เศร้าโศกและหมดหวัง
เมื่อถึงภูเขาเตเปย้าก เขาพบพระมารดาประทับอยู่ ณ ที่ซึ่งประจักษ์มาเมื่อเช้านี้ ดูเหมือนว่ากำลังคอยเขา เขากราบลงถึงพื้นด้วยความจงรักภักดี เล่าเรื่องการส่งข่าวที่ไร้ผลของเขาด้วยความเสียใจ พลางพูดว่า "แม่หนูพระราชินีที่รัก สุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ ผมขอให้ท่านส่งผู้มีตระกูลน่านับถือ เพื่อจะได้รับความเชื่อถือ เพราะว่าผมเป็นแต่ชาวนาผู้ยากจน ต่ำต้อย" และด้วยความกลัว เขาเสริมว่า "ยกโทษให้ผมด้วยที่ผมกล้าพูดเช่นนี้บางทีจะขาดความเคารพต่อท่าน ผมไม่ประสงค์จะทำให้ท่านเสียพระทัยเลย"
พระนางทรงมองยวงด้วยสายพระเนตรอันเมตตา ตรัสว่า "ไม่มีใครจะรับใช้แม่ดีกว่าลูก จงกลับไปบอกกับพระสังฆราชอีกว่า เป็นมารดาพระเจ้าที่มีพระประสงค์จะให้สร้างพระวิหารของพระนาง"
ภาพประกอบ
ประวัติ