การรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม
พระสันตะปาปาได้กล่าวถึงกิจการและบุคคลแต่ละกลุ่มที่จะรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ในโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ดังนี้
1. การจาริกแสวงบุญ
คริสตชนที่แสวงบุญในสังฆมณฑลของตน ณ วัดหรือสักการสถานที่พระสังฆราชท้องถิ่นกำหนด หรือไปแสวงบุญที่กรุงโรม ณ มหาวิหารทั้ง 4 แห่ง ที่กรุงโรม ได้แก่ มหาวิหารนักบุญเปโตร มหาวิหารนักบุญเปาโล มหาวิหารนักบุญยอห์น ลาเตรัน มหาวิหารพระนางมารีย์ รวมทั้ง วัดนักบุญลอเรนซ์นอกกำแพงกรุงโรม (Saint Lawrence Outside the Walls) วัดไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงเยรูซาเล็ม (The Church of the Holy Cross in Jerusalem) และวัดนักบุญเซบาสเตียนนอกกำแพงกรุงโรม (Saint Sebastian Outside the Walls) และสักการสถานอีกสองแห่ง คือ สักการสถานความรักของพระเจ้า (Shrine of Divine Love) และวัดพระจิต (the Church of Santo Spirito in Sassia) และมหาวิหารในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่ตามธรรมประเพณีเป็นสถานที่แสวงบุญเพื่อรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ในโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์
• พระคุณการุณย์ที่คริสตชนได้รับในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม จะต้องเป็นประสบการณ์ให้เห็นถึงพระเมตตาของพระเจ้า
• เพื่อรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ มีการเดินจาริกแสวงบุญสั้นๆ ไปยังประตูศักดิ์สิทธิ์ (ประตูแห่งพระเมตตา) เป็นเครื่องหมายของความปรารถนาที่จะกลับใจอย่างลึกซึ้ง
2. สำหรับคริสตชนที่ไม่สามารถจาริกแสวงบุญมายังประตูศักดิ์สิทธิ์ได้ (ผู้ป่วย คนชรา ผู้ที่อยู่โดดเดี่ยว ฯลฯ)
• อดทนยอมรับความเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมาน เพื่อจะได้สนิทสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า ผู้ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนชีพ ซึ่งให้ความหมายถึงคุณค่าของความเจ็บป่วย และการอยู่อย่างโดดเดี่ยว การดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อและความหวังอย่างชื่นชมยินดี ในการทดลองนี้
• การรับศีลมหาสนิท หรือการร่วมมิสซาและสวดภาวนากลุ่ม แม้แต่โดยการร่วมพิธีผ่านสื่อ
3. สำหรับนักโทษ
• กลับใจ ตระหนักถึงความผิดที่ได้ทำ ปรารถนาที่จะออกมาสู่สังคม และชดเชย เพื่อสัมผัสพระเมตตาของพระบิดาต่อผู้วอนขอการอภัยจากพระองค์
• พวกเขาอาจได้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ในวัดน้อยของเรือนจำ
• อาจโดยท่าทีของการยกความคิดจิตใจขึ้นหาพระบิดาและภาวนาต่อพระองค์ ทุกครั้งที่ก้าวข้ามธรณีประตูของห้องขัง (ให้ความหมายแก่พวกเขาถึงการก้าวผ่านประตูศักดิ์สิทธิ์) เพราะพระเมตตาของพระเจ้าสามารถเปลี่ยนหัวใจ และเปลี่ยนห้องขังให้กลายเป็นประสบการณ์ของอิสรภาพ (จากบาป)
4. ทุกครั้งที่แต่ละคนทำงานเมตตาจิตด้านจิตใจและงานเมตตาจิตด้านร่างกาย (spiritual and corporal works of mercy) หนึ่งอย่างหรือมากกว่านั้น
งานเมตตาจิตด้านจิตใจ คือ การสอนผู้ไม่รู้ การให้คำปรึกษาแก่ผู้สงสัย การบรรเทาผู้มีความทุกข์ การตักเตือนคนบาป การอดทนผู้กระทำผิด การให้อภัยแก่ทุกคนที่ทำร้าย และการสวดภาวนาให้ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้ที่สิ้นใจไปแล้ว
งานเมตตาจิตด้านร่างกาย คือ การให้อาหารคนหิวโหย การให้น้ำดื่มแก่ผู้กระหาย การให้เสื้อผ้าแก่ผู้ไม่มีนุ่งห่ม การให้ที่พักแก่ผู้ไร้ที่อยู่ การเยี่ยมผู้ป่วย การเยี่ยมผู้ถูกจองจำ และการฝังศพผู้ล่วงลับ
5. การภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับ โดยระลึกถึงเขาในพิธีบูชาขอบพระคุณ (ในความเป็นหนึ่งเดียวของสหพันธ์นักบุญ) ภาวนาเพื่อเขา เพื่อพระพักตร์อันเมตตาของพระบิดาเจ้า จะได้ปลดปล่อยเขาจากบาปทั้งปวง และรับเขาเข้าสู่สันติสุขนิรันดร
เงื่อนไขในการรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม คือ
1. มีเจตนาที่จะรับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์
2. ปฎิบัติกิจการที่กล่าวถึงข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่พระสันตะปาปาทรงแนะนำ
3. สวดภาวนาบท “ข้าแต่พระบิดา” และบท “บทข้าพเจ้าเชื่อ (สัญลักษณ์ของอัครสาวก)” อย่างศรัทธา
4. รับศีลอภัยบาป
5. รับศีลมหาสนิท
6. สวดเพื่อพระสันตะปาปาและตามพระประสงค์ของพระสันตะปาปา (ควรสวดบทภาวนาของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสสำหรับปีศักดิ์สิทธิ์ และจบการภาวนาด้วยการสรรเสริญพระเมตตาของพระเจ้า เช่น ด้วยการภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูผู้ทรงพระเมตตา ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์”)
หมายเหตุ
1. ต้องปฏิบัติให้ครบเงื่อนไข
2. พระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ เป็นพระคุณที่มีกำหนดให้รับได้วันละ 1 ครั้ง และสามารถอุทิศพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์นี้แก่ผู้ล่วงลับได้ด้วย