แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

พระเยซูเจ้าทรงทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์


พระวรสาร     มัทธิว 5:17-20

(17)“จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศก เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ (18) เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินยังไม่สูญสิ้นไป แม้แต่ตัวอักษรหรือจุดเดียวจะไม่ขาดหายไปจากธรรมบัญญัติจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จไป (19) ดังนั้น ผู้ใดละเมิดธรรมบัญญัติเพียงข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุดและสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ (20) เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้วท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย”

***************************


ธรรมบัญญัติคืออะไร


ทั้ง ๆ ที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า “พระคริสตเจ้าคือจุดจบของธรรมบัญญัติ” (รม 10:4) แต่ทำไมพระเยซูเจ้าเองจึงบอกว่าธรรมบัญญัติจะคงอยู่ทุกตัวอักษรตราบใดที่ฟ้าและดินยังไม่สูญสิ้นไป
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อพูดถึง “ธรรมบัญญัติ” (The Law) ชาวยิวหมายถึง 4 อย่างคือ
1.    บัญญัติสิบประการ
2.    หนังสือพระธรรมเก่าห้าเล่มแรกที่เรียกกันว่า ปัญจบรรพ (Pentateuch)
3.    ใช้ในสำนวน The Law and the Prophets เพื่อหมายถึงพระคัมภีร์ทั้งครบ (ขณะนั้นคือ Old Testament เท่านั้น)
4.    ธรรมประเพณี (Oral and Scribal Law)
สิ่งที่ทั้งพระเยซูเจ้าและนักบุญเปาโลต่างประณามคือธรรมบัญญัติตามความหมายสุดท้าย
เราจะพบว่าในพระธรรมเก่ามีกฎระเบียบอยู่น้อยมาก แม้บัญญัติสิบประการเองก็ไม่ใช่กฎระเบียบ แต่เป็นเพียงหลักการกว้าง ๆ อันยิ่งใหญ่ที่แต่ละคนจะต้องตีความและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตของตน โดยอาศัยคำแนะนำหรือการดลใจของพระเจ้า
แต่ชาวยิวสมัยหลังเห็นว่าลำพังหลักการเท่านี้ไม่เพียงพอ พวกธรรมาจารย์จึงพยายามดึงกฎเกณฑ์หยุมหยิมมากมายจากหลักการข้างต้น เพื่อให้ครอบคลุมสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตมนุษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
กฎเกณฑ์หยุมหยิมที่พวกธรรมาจารย์พยายามคิดค้นขึ้นมานี่แหละเรียกว่า “ธรรมประเพณี”
ยกตัวอย่างเช่น บัญญัติสิบประการกำหนดเป็นหลักการไว้ว่า “จงทำวันสับบาโตให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ และห้ามทำงานในวันสับบาโต”
ปัญหาของพวกธรรมาจารย์ก็คือ “อะไรคืองาน ?”  พวกเขาจึงต้องระดมความคิดและเวลามากมายเพื่อช่วยกันกำหนดกฎเกณฑ์ว่าด้วย “งาน”
ประการแรก งานคือ “การแบกของ” แต่ปัญหาต่อมาคือ “ของอะไรบ้างที่แบกได้หรือไม่ได้ ?” พวกเขาก็ได้กฎเกณฑ์ออกมาว่า สิ่งที่แบกได้ในวันสับบาโตคือ อาหารที่มีน้ำหนักเท่ามะเดื่อแห้งหนึ่งผล เหล้าองุ่นไม่เกินหนึ่งถ้วย น้ำนมหนึ่งอึก น้ำจำนวนพอผสมยาป้ายตา กระดาษพอเขียนประกาศหนึ่งใบ หมึกพอเขียนอักษรสองตัว ต้นอ้อพอทำปากกาหนึ่งด้าม ฯลฯ  พวกเขาใช้เวลายาวนานเพื่อถกเถียงกันว่าในวันสับบาโตจะเคลื่อนตะเกียง จะอุ้มเด็กทารก จะใส่ฟันปลอม ขาเทียม เข็มกลัดผม หรือผมปลอมได้หรือไม่  หรือแม้แต่ช่างตัดเสื้อที่ลืมเข็มติดไว้กับเสื้อจะเป็นบาปหรือไม่ ?
ประการที่สอง งานคือ “การเขียน” การเขียนที่ถือว่าผิดคือ เขียนมากกว่าสองตัวอักษร ถ้าเกินสองตัวอักษรแต่เขียนด้วยวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดรอยถาวรเช่น เขียนด้วยของเหลวสีดำ น้ำผลไม้ หรือเขียนบนฝุ่นหรือทราย เหล่านี้ไม่ถือว่าผิด  ถ้าเขียนบนกำแพงที่มีมุมติดกันหรือเขียนบนสมุดบัญชีสองหน้าชนิดที่ทำให้อ่านพร้อมกันได้ก็ถือว่าผิด แต่ถ้าต้องเดินไปดูกำแพงอีกด้านหรือพลิกสมุดไปอีกหน้าหนึ่งจึงจะอ่านได้ความ แบบนี้ถือว่าไม่ผิด
ประการที่สาม งานคือ “การรักษา” อนุญาตให้กระทำได้เมื่อมีอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับหู คอ และจมูก แต่ทั้งนี้อนุญาตให้ทำได้เพียงเพื่อไม่ให้อาการเลวร้ายลงเท่านั้น ห้ามทำการใด ๆ เพื่อให้อาการนั้นดีขึ้น
นี่คือตัวอย่างอันน้อยนิดของผลงานของบรรดาธรรมาจารย์  ช้ำร้ายยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่าพวกฟารีสีซึ่งแปลว่า “ผู้ที่แยกตัวออกมา” พวกเขาเพียรพยายามจะปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้อย่างเคร่งครัดและครบถ้วนทุกกระบวบความ
ประมาณกลางศตวรรษที่ 3 ธรรมประเพณีเหล่านี้ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เรียกว่า Mishnah มีความหนาประมาณ 800 หน้า และประมาณศตวรรษที่ 5 ก็มีผู้รวบรวมคำอธิบายกฎระเบียบต่าง ๆ ในหนังสือ Mishnah เป็นเล่มเรียกว่า Talmud
Talmud ของกรุงเยรูซาเล็มประกอบด้วยหนังสือ 12 เล่มพิมพ์  และ Talmud ของกรุงบาบิโลนประกอบด้วยหนังสือ 60 เล่มพิมพ์

แก่นแท้ของธรรมบัญญัติ

หลักการอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่งคือ “มนุษย์ต้องพยายามแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่าง และเมื่อพบแล้วเขาต้องทุ่มเทอุทิศตนตลอดชีวิตเพื่อปฏิบัติตามน้ำพระทัยนั้น”  พวกธรรมาจารย์และฟารีสีทำถูกที่พยายามแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้า และยิ่งถูกเข้าไปใหญ่เมื่อพยายามอุทิศตนปฏิบัติตามน้ำพระทัยนั้น  แต่พวกเขาผิดที่ดันไปพบน้ำพระทัยในกฎระเบียบมากมายที่สร้างขึ้นด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง
ถ้าเช่นนั้นอะไรคือแก่นแท้ของน้ำพระทัยของพระเจ้า ?  อะไรคือแก่นแท้ของธรรมบัญญัติ ?
เมื่อพิจารณาบัญญัติสิบประการอย่างใกล้ชิด เราจะพบว่าแก่นแท้ของธรรมบัญญัติทุกข้อสรุปได้เพียงคำเดียวคือ “เคารพ” (Respect)
เราต้องเคารพยำเกรงพระเจ้าและพระนามของพระองค์  เราต้องเคารพยำเกรงวันของพระเจ้า
เราต้องเคารพพ่อแม่  ชีวิต  ความเป็นบุคคลของตนเอง  ทรัพย์สิน  ความจริงและชื่อเสียงของผู้อื่น  และสุดท้ายเราต้องเคารพตัวเองเพื่อว่าความปรารถนาผิด ๆ จะได้ไม่เป็นนายเหนือเรา
กล่าวง่าย ๆ คือ เราต้องเคารพยำเกรง (Reverence) พระเจ้า และเคารพ (Respect) เพื่อนมนุษย์รวมถึงตัวเองด้วย
นี่คือแก่นแท้และเป็นพื้นฐานของธรรมบัญญัติตลอดจนกฎหมายทั้งปวง
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงตรัสว่า “จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติ แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์” พระองค์จึงต้องการบอกเราว่า ความเคารพยำเกรงและความเคารพที่เป็นพื้นฐานของบัญญัติสิบประการนั้นจะไม่มีวันสูญสิ้นไป
และพระองค์เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ก็เพื่อแสดงให้เราเห็นว่า “ความเคารพยำเกรงต่อพระเจ้า และความเคารพต่อมนุษย์” ที่สมบูรณ์นั้นเป็นอย่างไร

พระเยซูเจ้าต้องการสอนอะไร ?

1.    อดีตและปัจจุบันมีความต่อเนื่องกัน
บางคนชอบตำหนิอดีตที่ผิดพลาดแล้วพยายามลืมหรือสลัดมันทิ้งไป  แต่ถ้าเราทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเรากำลังต่อสู้กับอดีต และเมื่อเราต่อสู้กับอดีตเราก็จะไม่มีอนาคต !  เพราะปัจจุบันนั้นเติบโตมาจากอดีต และอนาคตก็เติบโตมาจากปัจจุบัน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมพระเยซูเจ้าจึงมิได้ลบล้างธรรมบัญญัติในอดีตแม้แต่ตัวอักษรหรือจุดเดียว
ก่อนจะมีพระวรสารจำเป็นต้องมีธรรมบัญญัติก่อนเพื่อว่าเรามนุษย์จะได้สามารถแยกความแตกต่างระหว่างถูกกับผิด  รู้จักบาป  รู้จักความอ่อนแอ และเรียนรู้ว่าเราต้องการพระเจ้าพร้อมกับความช่วยเหลือของพระองค์

2.    การดำเนินชีวิตคริสตชนไม่ใช่เรื่องง่าย
บางคนอ้างว่าเมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาก็เป็นอันสิ้นสุดของธรรมบัญญัติ ต่อจากนี้ไปเขาจะดำเนินชีวิตอย่างไรก็ได้
ไม่ใช่เลย !
เพราะพระเยซูเจ้าทรงเตือนเราว่า “ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้วท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย”
พวกธรรมาจารย์และฟาริสีดำเนินชีวิตโดยมีบทบัญญัติต่าง ๆ เป็นทั้งแรงผลักดันและเป็นทั้งแรงจูงใจ
แต่แรงผลักดันและแรงจูงใจของการดำเนินชีวิตแบบคริสตชนคือ “ความรัก”
พระเจ้าทรงรักมนุษย์จนยอมส่งพระบุตรแต่องค์เดียวมาช่วยให้มนุษย์พ้นบาป  มนุษย์จึงพยายามตอบแทนบุญคุณนี้ด้วยความรักเช่นกัน
เป็นไปได้ว่าเราอาจไม่เคยละเมิดกฎหมาย ไม่เคยถูกตำรวจจับ ซึ่งแปลได้ว่าเราอาจถือตามบทบัญญัติหรือกฎหมายต่าง ๆ ได้ครบ
แต่กับความรัก เราไม่อาจพูดได้เลยว่าเราแสดงความรักพอแล้ว.....
ถ้าเรารักใครสักคน ต่อให้เอาดวงจันทร์มาประเคนให้ได้ เราก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ
นี่คือพันธะผูกพันอันยิ่งใหญ่ของความรักที่มีเหนือกฎหมายอันมีข้อจำกัด
ความชอบธรรมของเราจึงต้องดีกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี

สื่อการสอน เกมคำสอน เกมพระคัมภีร์ ออนไลน์

สื่อคำสอน เรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ
สื่อคำสอน เรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง พระบัญญัติ 10 ประการ กิจกรรมที่ 1 แผนภูมิความรู้ ประกอบด้วย คำอธิบายพระบัญญัติ 10 ประการ (แบบรูปภาพ) วีดีทัศน์ พระบัญญัติ 10 ประการ หนังสือ ชวนกันอ่าน พระบัญญัติ...
สื่อคำสอน เรื่องศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรม
สื่อคำสอน เรื่องศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรม
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง ศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรมกิจกรรมที่ 1 ใบความรู้ ศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรม (แตะที่รูปหนังสือ ท่านก็จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ)กิจกรรมที่ 2 เกมจับคู่ ศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรมกิจกรรมที่ 3 เกมค้นหาคำ ศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีกรรม
สื่อคำสอน เรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ
สื่อคำสอน เรื่องศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ
สื่อการเรียนการสอน เรื่อง ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ กิจกรรมที่ 1 แผนภูมิความรู้ E-book ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ กิจกรรมที่ 2 แบบทดสอบออนไลน์ ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ กิจกรรมที่ 3...

รำพึงพระวาจาประจำวัน

วันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 13:16-20) เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็นใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไป บัดนี้ ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข เราไม่พูดเช่นนี้เพื่อท่านทุกคน เรารู้จักผู้ที่เราเลือกไว้แล้ว...
วันพุธ สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา (ฉลองนักบุญมัทธีอัส อัครสาวก) บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 15:9-17) เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว...

ประชาสัมพันธ์

ประมวลภาพกิจกรรม

เพิ่มพูนความรู้ครูคำสอน ครั้งที่ 1/2025
เพิ่มพูนความรู้ครูคำสอน ครั้งที่ 1/2025
🎉 เพิ่มพูนความรู้ครูคำสอน ครั้งที่ 1 🎉 วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม 2025 แผนกคริสตศาสนธรรมอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ร่วมกับโรงเรียนแม่พระฟาติมา ดินแดง จัดโครงการ เพิ่มพูนความรู้ครูคำสอน ครั้งที่ 1 หัวข้อ “สอนคำสอนอย่างไรให้สนุก จะไม่ทุกข์ถ้ามีสื่อ” ณ...
พิธีรับศีลล้างบาปผู้ใหญ่ 2025
พิธีรับศีลล้างบาปผู้ใหญ่ 2025
🎊✨️ พิธีรับศีลล้างบาปผู้ใหญ่ 🎊✨️ ค่ำคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ 19 เมษายน 2025 เป็นวันที่สำคัญและเป็นช่วงเวลาพิเศษ ของบรรดาผู้เตรียมเป็นคริสตชน ตลอดระยะเวลา 8-10 เดือน ที่ได้มาเรียนคำสอน ร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ และผ่านพิธีต่างๆ ของกระบวนการรับผู้ใหญ่เข้าเป็นคริสตชน ไม่ว่าจะเป็นพิธีต้อนรับ พิธีเลือกสรร พิธีพิจารณาความตั้งใจ พิธีเอฟฟาธา...

คำสอนสำหรับเยาวชน YOUCAT

322. สังคมหรือปัจเจกชนสำคัญกว่ากัน ในสายพระเนตรของพระเจ้าทุกบุคคลมีความสำคัญในอันดับแรกในฐานะบุคคล ดังนั้นแล้วจึงเป็นสังคม (1881-1892) สังคมไม่สามารถสำคัญมากกว่าปัจเจกบุคคล มนุษย์อาจจะไม่มีความหมายต่อสังคมที่สิ้นสุดลง ถึงแม้สถาบันทางสังคม เช่น รัฐบาลและครอบครัวมีความจำเป็นสำหรับปัจเจกชน...
321. คริสตชนสามารถเป็นปัจเจกชนอย่างถอนรากถอนโคน หรือไม่ ไม่ คริสตชนไม่เคยเป็นปัจเจกชนอย่างถอนรากถอนโคน เพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นถูกเตรียมไว้เพื่อมิตรภาพ (1877-1880, 1890-1891) ทุกบุคคลมีแม่และพ่อ เขารับความช่วยเหลือจากผู้อื่น...

คำถามที่เด็กๆ อยากรู้เกี่ยวกับพระเจ้า

เพื่อพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
CCC for Kids (คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิกสำหรับเด็ก) # วันที่ 81 # II. “เพื่อพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย” (678-679) ในเรื่องการพิพากษาครั้งสุดท้าย พระเยซูเจ้าได้สอนประชาชนว่า จะมีวันหนึ่งที่พระองค์จะมาพิพากษาทุกคน ทั้งคนที่มีชีวิตอยู่และคนที่เสียชีวิตไปแล้ว...
แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
CCC for Kids (คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิกสำหรับเด็ก) # วันที่ 80 # ตอนที่ 7 “แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย” I. “พระองค์จะเสด็จมาอีกอย่างรุ่งโรจน์” (668-677) หลังจากที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ชีพ...

ประวัตินักบุญ

13 พฤษภาคม พระนางมารีย์พรหมจารีแห่งฟาติมา
13 พฤษภาคม พระนางมารีย์พรหมจารีแห่งฟาติมา (Our Lady of Fatima) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.1917 ซึ่งอยู่ในช่วงปีที่ 3 ของสงครามโลกครั้งที่ 1 (ซึ่งสงครามโลกครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปถึงแปดล้านคน)...
1 พฤษภาคม ระลึกถึง นักบุญโยเซฟ กรรมกร
1 พฤษภาคม ระลึกถึง นักบุญโยเซฟ กรรมกร (St Joseph the Worker, memorial) เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1955 สมาคมของบรรดากรรมกรคาทอลิกอิตาเลียน...

E-Book แผนกคริสตศาสนธรรม อัคสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

Don't be afraid

Facebook CCBKK

CCBKK Channel

youtube1

Kamson TikTok

tiktok

พระคัมภีร์คาทอลิก

WOPTMR80W7YC0H90QTK7LZC1E1L2WM

บทเพลงศักดิ์สิทธิ์

angels-5b

บทอ่านและบทมิสซา

ordomissae

วันละหนึ่งนาทีกับนักบุญโยเซฟ

St.Joseph 2021

คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

ccc thai web

คู่มือแนะแนวในการสอนคำสอน

ปก คู่มือแนะแนว

คู่มือเตรียมรับศีลมหาสนิท แบบที่ 1-2

ปก แบบที่ 2 01

ครอบครัว บ่อเกิดแห่งความเชื่อ

F cover fmaily

สถิติเยี่ยมชม (22-2-2012)

วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
เดือนนี้
เดือนที่แล้ว
ทั้งหมด
2057
21672
100201
342258
944464
42794572
Your IP: 18.223.134.71
2025-05-15 02:37

สถานะการเยี่ยมชม

มี 262 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์