พระศาสนจักรยืนเคียงข้างชีวิต
30. ทุกวันนี้ คำสอนของพระศาสนจักรต้องเผชิญกับสภาพสังคมและวัฒนธรรมซึ่งทำให้คำสอนนี้เป็นที่เข้าใจยากขึ้น ทั้งยังเป็นที่ต้องการอย่างรีบด่วนและจำเป็นมากขึ้นเพื่อส่งเสริมคุณงามความดีอันแท้จริงของชายหญิง
การก้าวหน้าในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งมนุษย์สมัยปัจจุบันขยายอำนาจการยึดครองธรรมชาติออกไปอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความหวังว่าจะสามารถสร้างมนุษยชาติที่ดีกว่าเดิมได้เท่านั้น แต่การก้าวหน้าดังกล่าวยังก่อให้เกิดความเป็นห่วงกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคต บางคนสงสัยว่าการเกิดมีชีวิตเป็นสิ่งที่ดีหรือการไม่เกิดเลยจะดีกว่า เพราะฉะนั้นเขาจึงถามตัวเองว่า ควรหรือไม่ที่จะให้กำเนิดชีวิตอีกซึ่งวันหนึ่งอาจจะสาปแช่งความเป็นอยู่ในโลกที่ทารุณและเต็มไปด้วยความกระวนกระวายอันคาดไม่ถึงนี้ ส่วนคนอีกบางคนถือตัวว่าตัวเองเป็นประเภทเดียวเท่านั้นที่สมควรจะรับผลประโยชน์จากเทคโนโลยีและกีดกันมิให้คนอื่นมาแย่ง โดยการบังคับคนอื่นให้คุมกำเนิดหรือให้โดนพฤติกรรมที่ร้ายแรงกว่านี้เสียอีก สุดท้าย ยังมีคนบางพวกที่มีในผูกพันอยู่กับความกระหายบริโภคหรือเป็นห่วงเฉพาะแต่การกอบโกยวัตถุเท่านั้น จนกระทั่งเขาไม่สามารถเข้าใจว่าชีวิตของมนุษย์คนใหม่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าฝ่ายจิตใจ เขาจึงปฏิเสธคุณค่าของชีวิตนั้น สาเหตุที่เป็นรากฐานของทัศนะนี้ก็คือ ในใจของมนุษย์ไม่มีพระเจ้าสถิตอยู่ ที่จริง ความรักของพระองค์เท่านั้นที่มี่อานุภาพเหนือกว่าความหวาดกลัวทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นในโลก และความรักนี้เท่านั้นที่จะสามารถพิชิตความกลัวเหล่านั้นให้สูญสิ้นไปได้
ดังนั้น ทัศนะที่ปฏิเสธชีวิต (anti - life mentality) ได้เกิดขึ้นดังที่ปรากฏในปัญหาหลายประการของสมัยปัจจุบัน อาทิเช่น ความตระหนกตกใจอันเนื่องจากการวิจัยของนักนิเวศวิทยาและนักพยากรณ์วิทยาเกี่ยวกับจำนวนประชากร บางครั้งคนเหล่านี้ กล่าวถึงอันตรายของการเพิ่มประชากรที่มีต่อคุณภาพของชีวิตอย่างเกินความจริง
กระนั้นก็ดี พระศาสนจักรเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า ชีวิตมนุษย์แม้จะอ่อนแอและทนทุกข์ทรมานก็ตาม ยังเป็นพระคุณที่ใหญ่หลวงซึ่งพระเจ้าผู้พระทัยดีทรงประทานให้ พระศาสนจักรมีความเห็นขัดแย้งกับภาพแสดงอนาคตในแง่ร้ายนี้และกับความเห็นแก่ตัวอย่างตาบอดทุกประการซึ่งปกคลุมแผ่นดินด้วยความมืดมน พระศาสนจักรยืนเคียงข้างชีวิตมนุษย์และในชีวิตทุกราย พระศาสนจักรก็พบกับแสงสว่างอันเจิดจ้าแห่งคำว่า “ยินดีรับ” หรือ “อาแมน” อันได้แก่องค์พระคริสต์เอง ส่วนการปฏิเสธแผนการของพระเจ้าซึ่งกำลังเป็นความคิดที่แพร่หลาย และทำให้โลกปลงใจในความเศร้าโศก พระศาสนจักรยกคำว่า “ยินดีรับ” อันทรงชีวิตนั้นมาต่อต้าน และดังนี้ พระศาสนจักรป้องกันมนุษย์และโลกให้พ้นอันตรายของผู้ที่มุ่งจะทำลายชีวิตและทำให้ทรุดโทรมลง
ด้วยความมั่นใจที่ชัดเจนและเข้มงวดมากขึ้น พระศาสนจักรตระหนักถึงหน้าที่ ขอประกาศอีกครั้งให้ทุกคนทราบถึงเจตนาที่ว่า จะทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองชีวิตมนุษย์ให้พ้นอุปสรรคทั้งปวง ไม่ว่าชีวิตนั้นจะอยู่ในสภาพอะไรหรือเจริญเติบโตถึงขั้นไหนก็ตาม
เพราะฉะนั้น พระศาสนจักรจึงประณามกิจกรรมของรัฐบาลต่างๆ หรือขององค์การสาธารณะอื่นๆ ทุกแห่ง ซึ่งพยายามจำกัดเสรีภาพของคู่สมรสในการตัดสินต่างๆ ของเขาเกี่ยวกับลูกๆ นั้นว่า เป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของมนุษย์และความยุติธรรมอย่างที่สุด ดังนั้น การที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ดังกล่าวจะใช้วิธีการบังคับประชาชนให้คุมกำเนิดหรือยิ่งกว่านั้นอีกให้ทำหมันหรือทำแท้งนั้น เป็นสิ่งที่ต้องประณามอย่างเด็ดขาดและต้องขัดขวางทุกวิถีทาง เช่นเดียวกัน ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจที่จัดไว้เพื่อการพัฒนาของประเทศต่างๆ ซึ่งตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ประเทศนั้นมีโครงการคุมกำเนิด ทำหมัน และทำแท้ง หรือไม่นั้น ต้องได้รับการประณามว่า เป็นการกระทำที่ อยุติธรรมอย่างร้ายแรง