การรับประสบการณ์เบื้องต้นในชีวิตของพระศาสนจักร
39. ภารกิจในการอบรมดูแลลูกเรียกร้องให้พ่อแม่คริสตชนจัดการให้ลูกๆ ได้รับทุกสิ่งที่อย่างที่เขาต้องการ เพื่อให้ความเป็นคนของตัวเขาค่อยๆ บรรลุถึงวุฒิภาวะในฐานะที่เขาเป็นศิษย์ของพระคริสต์และสมาชิกของพระศาสนจักร เพราะฉะนั้นบิดามารดาจะระลึกถึงหลักพื้นฐานในการอบรมดังที่กล่าวแล้ว และเขาจะพยายามชี้แนะให้ลูกๆ ซาบซึ้งในความเชื่อของเขาและความรักของพระเยซูคริสต์ซึ่งสามารถแสดงความลึกซึ้งของหลักเหล่านั้นได้พ่อแม่คริสตชนควรจะสำนึกเสมอว่า พระเจ้าทรงมอบภารกิจให้เขาเป็นผู้อำนวยความเจริญเติบโตของลูกซึ่งเป็นทั้งบุตรของพระเจ้า น้องของพระคริสตเจ้า วิหารที่ประทับของพระจิตเจ้า และสมาชิกของพระศาสนจักร ด้วยความสำนึกเช่นนี้ พ่อแม่จึงจะมั่นใจมากขึ้นในหน้าที่บำรุงพระหรรษทานที่พระประทานให้นั้น ให้ประทับใจมั่นคงในใจของลูก
สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ได้บรรยายถึงเนื้อหาของการอบรมตามหลักพระคริสตธรรมดังต่อไปนี้ว่า “การอบรมตามหลักพระคริสตธรรมนี้มิได้มุ่งจะให้ตัวบุคคลได้บรรลุถึงวุฒิภาวะเท่านั้น แต่มุ่งให้ผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปและได้รับการชี้แนะให้ทราบเหตุการณ์เร้นลับเรื่องความรอดเป็นขั้นๆ แล้วนั้น รู้สำนึกถึงพระคุณความเชื่อที่เขาได้รับมากขึ้นทุกวัน หัดรู้จักนมัสการพระบิดาด้วยจิตใจและความสัตย์จริง (ดู ยน 4:22 - 24) โดยอาศัยพิธีกรรมเป็นหลัก เขาจะต้องได้รับการฝึกฝนให้ดำเนินชีวิตตามแบบฉบับมนุษย์ใหม่ด้วยความชอบธรรมและความศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยความจริง (ดู อฟ 4:13) แล้วดังนี้เมื่อบรรลุถึงการเป็นคนดีพร้อม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อบรรลุถึงอายุความแห่งความเปี่ยมไพบูลย์ของพระคริสตเจ้า (ดู อฟ 4:13) เขาจะได้มีส่วนช่วยให้พระกายทิพย์เติบใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ โดยที่รู้สำนึกถึงกระแสเรียกของตน คริสตชนควรหัดให้ติดเป็นนิสัยที่จะแสดงอกซึ่งความหวังอันแน่วแน่* ที่มีอยู่ในจิตใจ (ดู 1ปต 3:15) ตลอดจนช่วยในการเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกตามแบบคริสตชน”
ส่วนสมัชชาพระสังฆราชก็ได้รองรับและขยายข้อความที่เป็นหลักของคำสั่งสอนของพระสังคายนาแล้วประกาศว่า ภารกิจของครอบครัวคริสตชนในการอบรมสั่งสอนเป็น “ศาสนบริการ” ที่แท้จริง อาศัยศาสนบริการนี้ พระวรสารจึงมีการสืบทอดและแพร่หลายออกไป จนกระทั่งชีวิตครอบครัวกลายเป็นทั้งวิถีทางแห่งความเชื่อและแหล่งฝึกฝนหรือโรงเรียนสอนวิธีดำเนินชีวิตติดตามพระคริสตเจ้า พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 เคยเขียนไว้ว่า “ในครอบครัวที่สำนึกถึงภารกิจหน้าที่นี้ สมาชิกทุกคนทำการแพร่พระวรสารและรับการแพร่พระวรสารด้วย”
อาศัยศาสนบริการในการอบรมดูแลลูกนี้ พ่อแม่จึงเป็นคนแรกที่ประกาศพระวรสารให้ลูกรับ โดยการดำเนินชีวิตของพ่อแม่นี้เองเป็นสื่อ ยิ่งกว่านั้น เมื่อพ่อแม่สวดภาวนาพร้อมกับลูกก็ดี หมั่นอ่านพระวรสารของพระเจ้าพร้อมกับลูกก็ดี และพาลูกเข้ามีส่วนร่วมในพระวรกายของพระคริสต์ (ซึ่งหมายถึงศีลมหาสนิทและพระศาสนจักร) ก็ดี โดยวิธีฝึกฝนชีวิตคริสตชนก็ดี เขาจึงได้กลายเป็นพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุว่า เขาเป็นผู้ให้กำเนิดมิใช่เพียงแต่ให้มีชีวิตตามเนื้อหนังเท่านั้น แต่ก็ให้มีชีวิตที่หลั่งไหลลงมาจากไม้กางเขนและการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า อาศัยการฟื้นฟูที่พระจิตเจ้าทรงบันดาลให้ด้วย
เพื่ออำนวยความสะดวกให้พ่อแม่ปฏิบัติหน้าที่อบรมสั่งสอนนี้อย่างเหมาะสม สมาชิกสมัชชาพระสังฆราชได้เสนอให้มีการเรียบเรียงหนังสือคำสอนสำหรับครอบครัวที่กระจ่าง กะทัดรัดและที่ทุกคนอ่านเข้าใจได้ง่าย สภาพระสังฆราชในประเทศต่างๆ จึงได้รับการเรียกร้องให้ลงมือเตรียมหนังสือคำสอนแบบนี้โดยไม่นิ่งนอนใจ