การอบรมเตรียมจิตใจก่อนแต่งงาน
66. สมัยนี้ การอบรมเตรียมเยาวชนให้พร้อมที่จะเข้าสู่ชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่าสมัยก่อนเสียด้วย ในบางแห่งครอบครัวต่างๆ ยังรักษาประเพณีโบราณ และมอบค่านิยมที่เกี่ยวกับชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวให้แก่เยาวชนโดยใช้ระบบการอบรมสั่งสอนและการฝึกฝนที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมสมัยใหม่แทบทุกแห่งนั้น เรียกร้องให้ทั้งครอบครัว สังคม และพระศาสนจักร ต้องมีความพยายามที่จะเตรียมจิตใจของเยาวชน ให้เขาสามารถรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของตนในอนาคตอย่างเหมาะสมได้ ปรากฏการณ์ที่น่าสลดใจซึ่งเราสังเกตเห็นได้ในชีวิตครอบครัวสมัยนี้จำนวนไม่ใช่น้อยนั้น เกิดมาจากสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่ทำให้เยาวชนไม่รู้จักระบบค่านิยมที่ถูกต้อง อีกทั้งไม่รู้ว่า เขาจะต้องเผชิญความยุ่งยากใหม่ๆ และแก้ไขมันได้อย่างไร เพราะเขาขาดหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดในการประพฤติตน กระนั้นก็ดี สิ่งที่เรารับทราบมาจากประสบการณ์ก็คือ เยาวชนที่ได้รับการอบรมเตรียมชีวิตครอบครัวอย่างดีย่อมได้ผลดีมากกว่าคนอื่นๆ
ทั้งหมดที่พูดมานี้ มีค่าสำหรับการสมรสคริสตชนมากยิ่งขึ้นเพราะอานุภาพของการสมรสเยี่ยงคริสตชนนี้ย่อมบันดาลความศักดิ์สิทธิ์แก่ชายหญิงหลายต่อหลายคู่ เพราะเหตุนี้เอง พระศาสนจักรจึงมีหน้าที่ส่งเสริมหลักสูตรการอบรมเตรียมชีวิตสมรสที่เหมาะสมและละเอียดถี่ถ้วนมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้เพื่อพยายามกำจัดความยุ่งยากที่ทำให้หลายคู่ต้องหนักใจ และเป็นต้น เพื่อช่วยให้การสมรสเริ่มต้นอย่างดีและก้าวหน้าไปสู่ความสมบูรณ์
การอบรมเตรียมการสมรสพึงจัดให้เป็นระบบที่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ขั้นตอนเหล่านี้แยกออกได้เป็นสามระดับที่สำคัญ คือ การอบรมระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น
การอบรมระยะยาว เริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก ตามหลักการอันสุขุมของการอบรมเด็กภายในครอบครัวที่จะนำเด็กให้รู้จักตัวเองว่าเป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยลักษณะทางจิตใจที่ซับซ้อนรวมถึงบุคลิกเฉพาะของตน ซึ่งมีทั้งความเข้มแข็งและความอ่อนแอเฉพาะตัว ระยะนี้เป็นระยะที่เหมาะสมที่จะสอนเด็กให้นิยมชมชอบคุณค่าอันเที่ยงแท้ของความเป็นมนุษย์ ทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความสัมพันธ์ในสังคม นอกจากนั้น ยังเป็นระยะที่สำคัญสำหรับการหล่อหลอมอุปนิสัยสำหรับการรู้จักควบคุมใจของตน สำหรับการใช้ความลำเอียงต่างๆ อย่างถูกต้อง สำหรับการรู้จักและให้เกียรติเพศตรงข้าม ฯลฯ โดยเฉพาะสำหรับคริสตชน การอบรมดังกล่าวจะต้องอธิบายให้ได้ว่า การสมรสเป็นกระแสเรียกและภารกิจโดยแท้ ทั้งไม่ละเว้นโอกาสที่จะเสนอความคิดว่า เด็กอาจจะอุทิศตัวแด่พระเจ้าอย่างสิ้นเชิงตามพระแกเรียกให้เป็นพระสงฆ์หรือนักบวช
เมื่อมีพื้นฐานเช่นนี้แล้วจะจัดการอบรมระยะกลางได้ ซึ่งจะต้องใช้เวลายาวนาน เริ่มตั้งแต่อายุที่เห็นสมควรโดยอาศัยวิธีสอนคำสอนที่เหมาะสมคล้ายๆ กับกระบวนการสอนผู้ที่เตรียมตัวรับศีลล้างบาป การอบรมระยะกลางนี้ควรจะมุ่งถึงการเตรียมตัวรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เป็นแบบของการรับศีลโดยเฉพาะ ให้เขาค้นพบความหมายใหม่ของศีลศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ การสอนคำสอนแบบที่รื้อฟื้นใหม่นี้ ซึ่งใช้กับเยาวชนและกับทุกคนที่เตรียมตัวเข้าชีวิตสมรสแบบคริสตชนนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ทุกคนได้รับศีลสมรสและเจริญชีวิตตามศีลสมรสด้วยจิตใจที่ดีและเพียบพร้อม ทั้งในแง่ จริยธรรมและในแง่ชีวิตจิตใจ พร้อมกับให้เขาดำเนินชีวิตไปตามคำสอนนี้ด้วย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะและเมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้ดีแล้ว นอกเหนือจากการอบรมคำสอน เยาวชนควรจะได้รับการอบรมเพิ่มเติมในด้านการเตรียมตัวให้ดำเนินชีวิตคู่ร่วมกัน การอบรมเตรียมตัวขั้นนี้จะต้องชี้แจงว่า การสมรสคือความสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคลของชายกับบุคคลของหญิง ซึ่งจะต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และจะต้องสนับสนุนให้เยาวชนศึกษาบทบาทของเพศในชีวิตสมรส รวมทั้งการเป็นพ่อแม่ที่มีความรับผิดชอบ โดยเสริมความรู้เบื้องต้นในด้านการแพทย์และชีววิทยาควบคู่กับเรื่องเพศและการเป็นพ่อแม่ การอบรมดังกล่าวยังต้องช่วยเขาให้รู้จักวิธีที่ถูกต้องในการอบรมสั่งสอนบุตร ตลอดจนช่วยเขาให้ตระเตรียมปัจจัยที่สำคัญไว้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการครองรักครองเรือนได้อย่างราบรื่นมี อาทิเช่น อาชีพที่มั่นคง รายได้เพียงพอ ความรู้ในการใช้สอย ความรู้เบื้องต้นในด้านเศรษฐกิจประจำบ้าน และอื่นๆ
ที่สุด อย่าได้ละเว้นการเตรียมพวกเขาให้มีส่วนในการแพร่ธรรมทางครอบครัว ให้เขาแสดงตนเป็นพี่น้องผู้ร่วมมือกับครอบครัวอื่นๆ ให้เขามีบทบาทอย่างแท้จริงในกลุ่ม สมาคม ขบวนการ และโครงการต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวทั้งในด้านโลกและด้านศาสนา
การอบรมเตรียมตัวรับศีลสมรสระยะสั้น ต้องจัดขึ้นในสองสามเดือนสุดท้าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสองสามอาทิตย์สุดท้ายก่อนวันแต่งงาน ทั้งนี้ เพื่อให้การสอบถามก่อนการสมรสตามที่กฎหมายของพระศาสนจักรที่กำหนดไว้นั้น จะได้รับทั้งความหมาย เนื้อหา และรูปแบบใหม่ การอบรมระยะสั้นนี้จะเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่ว่ากรณีใดก็ตาม แต่ผู้ที่ต้องการรับการอบรมนี้มากที่สุด คือ บ่าวสาวที่ยังพบว่ามีข้อบกพร่องหรือประสบความลำบากอยู่ในด้านคำสอนและในด้านการประพฤติตัวเป็นคริสตชน
ในเรื่องต่างๆ ที่เป็นหลักซึ่งควรจะมอบให้แก่คนที่เป็นเสมือนผู้เดินทางไปสู่ความเชื่อซึ่งคล้ายๆ กับคนที่เตรียมตัวรับศีลล้างบาปนั้นต้องมีข้อต่อไปนี้เป็นต้นคือ ความเข้าใจในธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักรอย่างลึกซึ้ง ความหมายของการสมรสคริสตชนในฐานะที่เป็นพระหรรษทานและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ตลอดจนถึงเรื่องการเตรียมคู่หมั้นให้มีส่วนร่วมในพิธีศีลสมรส โดยรู้และเข้าใจอย่างจริงจัง
ครอบครัวคริสตชนพร้อมกับชุมชนของพระศาสนจักรก็ต้องตระหนักด้วยว่า ตนเองต้องมีพันธะผูกพันในการเตรียมการสมรสทุกขั้นตอนซึ่งข้าพเจ้าก็ได้กล่าวไว้แต่เพียงข้อสำคัญๆ เท่านั้น ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สภาพระสังฆราชในประเทศต่างๆ จะพยายามจัดพิมพ์คู่มือสำหรับการอภิบาลครอบครัว ด้วยเหตุว่า เมื่อสภาพระสังฆราชเหล่านี้ได้เอาใจใส่ในกิจกรรมต่างๆ ที่เหมาะสม เพื่อที่จะช่วยผู้ที่จะเป็นสามีภรรยาในภายหลังให้ตระหนักดีขึ้นถึงความสำคัญแห่งการตัดสินใจของตน อีกทั้งช่วยผู้อภิบาลวิญญาณให้แน่ใจว่า คู่สมรสพร้อมทุกอย่างแล้วในคู่มือดังกล่าว สภาพระสังฆราชยังต้องกำหนดหลักสำคัญของเนื้อหาระยะเวลาและวิธีการของ “หลักสูตรการเตรียมตัวสมรส” โดยให้ความสมดุลย์กันระหว่างแง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตสมรส เช่น คำสอน การอบรมเลี้ยงดูลูก กฎหมาย สุขภาพอนามัย รวมทั้งจัดให้ทุกคนที่เตรียมตัวเข้าชีวิตสมรสนั้น ไม่เพียงแต่ได้มีวิชาความรู้เท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกที่อยากจะร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของชุมนุมของพระศาสนจักรด้วย
ถึงแม้ว่าการอบรมเตรียมตัวรับศีลสมรสในระยะสั้นนั้น เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรบังคับ และไม่ควรได้รับการมองข้ามก็ตาม ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าหากว่าจะมีคนได้รับการยกเว้นอย่างง่ายๆ กระนั้นก็ดีผู้รับผิดชอบจะต้องนำการอบรมเตรียมต่อคู่สมรสนี้มาเสนอและปฏิบัติให้เข้าใจกันว่า ถ้าบังเอิญเกิดมีการละเว้นบ้างก็ยังไม่เป็นข้อห้ามมิให้แต่งงานกัน