แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

การประกอบพิธีสมรสและการแพร่พระวรสารให้ผู้ที่รับศีลล้างบาปแต่ไม่มีความเชื่อ
68.  ด้วยเหตุว่า  เมื่อประกอบพิธีศีลสมรสควรจะเอาใจใส่ทีท่าในแง่จริยธรรมและในแง่ชีวิตจิตใจของคู่สมรสเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเชื่อของเขา  ในที่นี้  ต้องยอมเผชิญกับความยุ่งยากอย่างหนึ่งที่พบบ่อยๆ  และผู้อภิบาลของพระศาสนจักรอาจจะพบในสังคมสมัยนี้ที่เอียงไปตามโลกมากแล้ว
    ที่จริง  ความเชื่อของผู้ที่ขอให้พระศาสนจักรรับรองการสมรสของเขานั้น  อาจจะมีหลายระดับ  ผู้อภิบาลจึงมีหน้าที่ขั้นพื้นฐานที่จะต้องพยายามให้ความเชื่อนั้นปรากฏขึ้นมาใหม่  ให้ได้รับอาหารมาบำรุงเลี้ยงและให้บรรลุวุฒิภาวะ  แต่ผู้อภิบาลก็ต้องคำนึงถึงเหตุผลซึ่งทำให้พระศาสนจักรยอมประกอบพิธีให้แก่ผู้ที่มีคุณลักษณะไม่สมบูรณ์ด้วยเหมือนกัน
    ศีลสมรสมีลักษณะพิเศษบางอย่างที่แตกต่างกับศีลศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ  นั่นก็คือ  ศีลสมรสเป็นศีลของสิ่งซึ่งเป็นอยู่แล้วในแผนการสร้างโลก  และยังเป็นพันธสัญญาระหว่างสามีภรรยาอันเดียวกันกับพันธสัญญาที่พระผู้สร้างได้ทรงสถาปนา  “แต่แรกเริ่ม”  เพราะฉะนั้น  การตัดสินใจของชายและหญิงที่จะเป็นสามีภรรยากันตามแผนการของพระเจ้าจึงหมายความว่า  ได้เป็นไปตามการตัดสินใจที่จะผูกพันชีวิตของตนด้วยสายใยแห่งความรักอันยกเลิกมิได้และแห่งความซื่อสัตย์อันปราศจากเงื่อนไขใดๆ  โดยอาศัยความยินยอมสมัครใจฉันสามีภรรยาอันเพิกถอนมิได้  ที่จริงแล้ว  การตัดสินใจแบบนี้เรียกร้องให้มีจิตใจพร้อมที่จะนอบน้อมต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าให้ลุล่วงไป  แม้อาจจะเป็นแบบที่ไม่รู้ตัวมากนักก็ตาม  แต่ก็ยังจะเป็นไปไม่ได้ถ้าปราศจากพระหรรษทานของพระองค์  คนเหล่านี้ได้เข้ากระบวนการอันเที่ยงแท้ซึ่งนำไปสู่ความรอด  การประกอบพิธีศีลสมรสและการอบรมเตรียมตัวในระยะสั้นนั้น สามารถช่วยให้กระบวนการครบครันมากขึ้น  และบรรลุจุดหมายปลายทางได้ก็ต่อเมื่อคู่นั้นมีน้ำใสใจจริง
    แต่ก็เป็นความจริงเหมือนกันว่า  ในบางประเทศ  คู่หมั้นขอแต่งงานที่วัดโดยมีเหตุผลทางสังคมมากกว่าทางศาสนาอย่างถ่องแท้  ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลย  ที่จริงการสมรสเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องไม่เพียงแต่กับผู้ที่สมรสกันเท่านั้น  การสมรสยังเป็นเหตุการณ์ทางสังคมตามธรรมชาติของมันซึ่งทำให้คู่สมรสมีพันธะต่อสังคม  แต่ไหนแต่ไรมา  พิธีสมรสเป็นวันฉลองซึ่งเป็นโอกาสให้ครอบครัวต่างๆ และเพื่อนฝูงมาพบปะกัน  ฉะนั้นจึงปรากฏอย่างชัดเจนว่า  มีเหตุผลทางสังคมมาสมทบกับเหตุผลส่วนตัวเมื่อคนมาขอสมรสกันในวัด
    กระนั้นก็ดี  ไม่ควรจะลืมว่าคู่หมั้นเหล่านี้ได้รับศีลล้างบาปแล้ว  เพราะฉะนั้น  ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงเข้ามีส่วนอย่างแท้จริงในพันธสัญญาแห่งการสมรสระหว่างพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร  เขาได้ยอมรับแผนการของพระเจ้าที่เกี่ยวกับการสมรสด้วยน้ำในใจจริง  ฉะนั้น  อย่างน้อยก็โดยปริยาย  พวกเขายอมกระทำในสิ่งที่พระศาสนจักรมุ่งจะกระทำ  เมื่อประกอบพิธีสมรส  ด้วยเหตุนี้  เพียงแต่การที่มีเหตุผลทางสังคมปนอยู่ในการขอแต่งงานดังกล่าวเท่านั้น  ก็ยังไม่เป็นเหตุสมควรที่ผู้อภิบาลจะปฏิเสธการประกอบพิธีสมรสให้  ถึงกระนั้นก็ดี  สังคายนาวาติกันครั้งที่  2  ก็สอนว่า  ศีลศักดิ์สิทธิ์บำรุงเลี้ยงเสริมสร้างความเชื่อ  ด้วยคำพูดและส่วนต่างๆ ที่ประกอบพิธี  ความเชื่อนี้แหละที่คู่หมั้นกำลังแสวงหาด้วยน้ำใสใจจริงของเขา ซึ่งพระหรรษทานของพระคริสตเจ้าส่งเสริมและทะนุบำรุงอย่างแน่นอน
    นอกจากนั้น  คงจะมีผลเสียเกิดขึ้น  ถ้าได้วางหลักเกณฑ์ใหม่ที่จะพิจารณาอนุมัติให้คู่สมรสประกอบพิธี  ซึ่งหลักเกณฑ์เหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับระดับความเชื่อของผู้ที่เจตนาจะสมรสกัน  ผลเสียอันดับแรกก็คือว่า  อาจจะตัดสินวินิจฉัยโดยมีข้อมูลไม่เพียงพอและโดยทำให้เกิดการเลือกที่รักมักที่ชัง  ผลเสียอีกประการหนึ่งก็คือ  อาจเกิดความระแวงสงสัยว่า  การสมรสที่ผ่านไปแล้วเป็นการสมบูรณ์แบบหรือไม่  ความระแวงนี้จะนำความเสียหายอันใหญ่หลวงมาให้แก่กลุ่มคริสตชน  และจะนำความกังวลเดือดร้อนมาสู่มโนธรรมของสามีภรรยาโดยใช่เหตุ  ผลเสียประการสุดท้ายก็คือ  อาจวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ยอมรับการสมรสจำนวนมากของพี่น้องที่แยกตัวออกจากความเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์กับพระศาสนจักรว่า  การไม่ยอมรับนี้มิใช่เป็นประเพณีของพระศาสนจักร
    ในทางกลับกัน  ผู้อภิบาลสัตบุรุษไม่ควรประกอบพิธีให้แก่คู่สมรสที่ยืนยันอย่างเปิดเผยและชัดเจนว่า  เขาไม่ยอมรับสิ่งที่พระศาสนจักรตั้งใจจะกระทำในขณะที่ประกอบพิธีสมรสให้ผู้ที่รับศีลล้างบาปแล้ว  โดยเฉพาะเมื่อผู้อภิบาลได้พยายามที่จะสอนเขาทุกวิถีทางโดยไร้ผลแล้ว
    ความจำเป็นที่ต้องเผยแผ่พระวรสารและสอนคำสอนก่อนและหลังพิธีสมรสไม่เพียงแต่ให้สมบูรณ์แบบเท่านั้นแต่ยังให้เกิดผลอุดมด้วย