กรณีที่ 5 : ผู้ที่แต่งงานใหม่หลังการหย่าร้าง
84. จากประสบการณ์ในแต่ละวัน เราสังเกตเห็นด้วยเสียดายว่าผู้ที่หย่าร้างกันแล้ว ก็มักตั้งใจที่จะเข้าร่วมชีวิตกับคนใหม่แทบทุกรายโดยไม่มีพิธีทางศาสนคาทอลิกแต่อย่างใด นี่เป็นความหายนะเหมือนกับความหายนะอื่นๆ ซึ่งยิ่งวันยิ่งแพร่ไปอย่างกว้างขวางแม้ในกลุ่มคริสตชน เพราะฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเผชิญหน้ากับความยุ่งยากนี้โดยด่วนและด้วยความขยันขันแข็ง สมาชิกสมัชชาพระสังฆราชได้ศึกษาปัญหานี้แล้ว อันที่จริง พระศาสนจักรซึ่งได้รับการสถาปนาขึ้นเพื่อมนุษย์ จะนำมนุษย์ทั้งมวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปไปสู่ความรอดนั้น ก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งผู้ที่ตั้งใจเข้าสู่การสมรสใหม่ได้ ทั้งๆ ที่เขาเองก็เคยมีพันธะกับอีกคนหนึ่งในศีลสมรสแล้ว ฉะนั้น พระศาสนจักรจึงมานะพยายามโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยที่จะเอื้ออำนวยวิธีช่วยให้รอดต่างๆ ให้แก่เขา
ผู้อภิบาลควรจะต้องทราบว่าตนเองมีหน้าที่วินิจฉัยสภาพความเป็นจริงให้ถูกต้องเพื่อจะได้ซื่อสัตย์ต่อความจริง ในอันที่จริง พวกที่ได้ทุ่มเทกำลังใจเพื่อที่จะพิทักษ์รักษาการสมรสครั้งแรกด้วยใจจริงและถูกทอดทิ้งอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ก็แตกต่างจากพวกที่ได้ทำลายการสมรสที่สมบูรณ์ตามกฎหมายพระ-ศาสนจักรเพราะความผิดอันมากมายของตน อีกพวกหนึ่งก็คือ ผู้ที่ได้เข้าร่วมชีวิตกับคู่ใหม่เพราะเห็นแก่ผลทางการอบรมดูแลลูก และบางครั้งเขาก็มีจิตสำนึกที่แน่นอนว่า การสมรสครั้งก่อนที่ถูกทำลายอย่างแก้ไขมิได้แล้วนั้น ไม่เคยเป็นการสมรสที่สมบูรณ์เลย
โดยร่วมกับสมัชชาพระสังฆราช ข้าพเจ้าขอเตือนผู้อภิบาลและชุมชนคริสตชนทั้งปวงให้ช่วยเหลือผู้ที่หย่าร้างกันแล้วแต่งงานใหม่ด้วยความระมัดระวังและด้วยเมตตาธรรมอันละมุนละไม อย่าให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกแยกออกจาพระศาสนจักร ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องมีส่วนร่วมในชีวิตนั้นด้วย ต้องชักชวนเขาให้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ให้ร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณบูชาขอบพระคุณ ให้หมั่นสวดภาวนา ให้สนับสนุนกิจเมตตาต่างๆ และโครงการของกลุ่มชนที่ส่งเสริมความยุติธรรม ให้อบรมสั่งสอนลูกตามหลักความเชื่อคริสตชน ให้ส่งเสริมจิตตารมณ์แห่งการเป็นทุกข์ถึงบาปในใจของตนและให้ทำกิจกรรมใช้โทษบาปเพื่อจะอ้อนวอนขอพระหรรษทานของพระเจ้าทุกวันไป ข้าพเจ้าขอให้พระศาสนจักรสวดภาวนาอุทิศให้เขา บำรุงจิตใจของเขา แสดงตัวเป็นมารดาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อเขา และดังนั้นให้พระศาสนจักรพยุงเขาให้คงอยู่ในความเชื่อและความหวังอันแน่วแน่
กระนั้นก็ดี พระศาสนจักรยืนยันถึงแนวปฏิบัติของตนซึ่งมีหลักพื้นฐานอยู่ที่พระคัมภีร์ที่ว่า พระศาสนจักรไม่อนุโลมให้คริสตชนที่หย่าร้างกันแล้วแต่งงานใหม่นั้น รับศีลมหาสนิทได้ ตัวเขาเองเป็นอุปสรรคมิให้รับได้ ในเมื่อสภาพของเขาและรูปแบบชีวิตจริงของเขาไม่สอดคล้องกับความสัมพันธ์แห่งความรักระหว่างพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร ซึ่งปรากฏออกมาเป็นอยู่จริงๆ ในศีลมหาสนิท นอกจากนั้นยังมีเหตุผลพิเศษในด้านอภิบาลก็คือ ถ้าคนเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้รับศีลมหาสนิทได้แล้ว คริสตชนโดยทั่วไปจะเกิดความเข้าใจผิดและความสับสนเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนของพระศาสนจักรที่ว่า ศีลสมรสนั้นยกเลิกไม่ได้
เช่นเดียวกัน การกลับคืนดีกับพระเจ้าโดยทางศีลอภัยบาป ซึ่งเปิดทางไปยังศีลมหาสนิทนั้น ผู้ที่จะรับได้ก็คือผู้ที่เป็นทุกข์ถึงบาปเพราะได้ฝ่าฝืนสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญาและแห่งความซื่อสัตย์ของพระคริสตเจ้า พวกเขาจึงพร้อมที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบซึ่งไม่ขัดแย้งกับการสมรสที่ยกเลิกมิได้ ในกรณีที่ชายและหญิงไม่สามารถแยกทางกันได้เพราะมีเหตุผลสำคัญ เช่น มีลูกที่จะต้องดูด้วยกันนั้น “ในภาคปฏิบัติ การเป็นทุกข์ถึงบาปดังกล่าวเรียกร้องให้เขารับรองว่า เขาจะดำเนินชีวิตด้วยการโดยยกเว้นเรื่องกามกิจอย่างเด็ดขาด กล่าวคือ งดเว้นกิจกรรมเฉพาะของสามีภรรยา”
ในทำนองเดียวกัน การเคารพต่อศีลสมรสก็ดี ต่อคู่สมรสและญาติพี่น้องของเขาก็ดี ต่อชุมชนคริสตชนก็ดี เรียกร้องมิให้ผู้อภิบาลจัดพิธีอย่างใดอย่างหนึ่งในโอกาสที่ผู้หย่าร้างกันแล้วแต่งงานใหม่ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะอ้างถึงเหตุผลหรือข้อแก้ตัวประการใดก็ตาม แม้ในแง่อภิบาลถ้ามีพิธีดังกล่าว ก็จะเป็นการหลอกให้เข้าใจกันว่ากำลังประกอบพิธีศีลสมรสใหม่โดยสมบูรณ์ และจะเกิดความเข้าใจผิดขึ้นเกี่ยวกับลักษณะของการยกเลิกกันมิได้ของการสมรสที่สมบูรณ์
ในขณะที่พระศาสนจักรปฏิบัติเช่นนี้ พระศาสนจักรยืนยันถึงความจงรักภักดีของตนต่อพระคริสตเจ้า และต่อพระสัจธรรมของพระองค์ ในเวลาเดียวกันพระศาสนจักรบำเพ็ญตนเป็นมารดาที่มีใจเมตตากรุณาต่อบุตรของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบุตรที่คู่ชีวิตโดยชอบธรรมได้ทอดทิ้งไปทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้ทำผิด
ด้วยความมั่นใจอันแน่วแน่ พระศาสนจักรเชื่อว่าแม้แต่คนที่ตีตัวออกห่างจากพระบัญญัติของพระคริสตเจ้าและยังคงดำรงชีวิตอยู่ในสภาพนั้น ก็ยังสามารถรับพระหรรษทานแห่งการกลับใจและความรอดจากพระเจ้าได้ เมื่อเขาได้พากเพียรภาวนา เป็นทุกข์ถึงบาป และมีเมตตาธรรม