วันหนึ่งพระเจ้าทรงพบว่ามีชายคนหนึ่งเป็นคนดี และเปี่ยมด้วยความเมตตาเป็นอย่างมาก พระองค์จึงเรียกทูตสวรรค์ของพระองค์มาเข้าเฝ้า และสั่งให้ทูตสวรรค์ไปหาชายคนนั้น และมอบพระพรของพระองค์ 1 ประการตามที่ชายคนนั้นต้องการ แต่เมื่อทูตสวรรค์พบกับชายคนนั้น เขากลับไม่ต้องการพรใดๆ
ทูตสวรรค์แนะนำเขาว่า เมื่อพระเจ้าให้โอกาสแล้ว เขาควรขอพร 1 ประการที่จะทำให้เขามีความสุขมากที่สุด ดังนั้น ชายคนนั้นจึงขอพระเจ้าว่า ขอให้คนที่พบฉันได้มีความสุข ได้รับความบรรเทาใจ แต่ขอให้ฉันอย่าได้รับรู้ถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับคนอื่นโดยผ่านทางฉัน
เมื่อเขาได้พระพรประการนี้ เมื่อเขาผ่านไปทางไหนเขาก็นำความสุขไปให้คนอื่น ทุกคนได้รับความบรรเทาใจ ความสุข ความชื่นชมยินดี และชายคนนั้นก็มีความสุขอย่างมากตราบจนเขาสิ้นชีวิต ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาทำความดีโดยไม่มุ่งหวังสิ่งใดตอบแทน เขาไม่คาดหวังคำชมเชย ไม่คาดหวังเกียรติ อำนาจ หรือผลประโยชน์ใดๆ ก็ตามจากการทำความดีของเขา
ชวนคิดสะกิดใจ
เป็นความจริงทีเดียว ความสุขอย่างเต็มที่จากการทำความดีเกิดจากการไม่คาดหวัง นั่นคือ การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่ในทางตรงกันข้ามความสุขอย่างเต็มที่เมื่อมีผู้มาทำความดีให้กับเรากลับเกิดจากความกตัญญูรู้คุณ ยิ่งเราเห็นคุณค่าของความดีที่คนอื่นกระทำต่อเรามากเพียงไร เรายิ่งเป็นคนมีความสุขมากเพียงนั้น