แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

    นักพรตคนหนึ่งได้ไปหาอธิการด้วยใบหน้าท้อแท้ เขาเล่าให้ท่านฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “ผมสิ้นหวังและคิดไม่ออกเลยว่า คนบาปหนาอย่างผมจะเอาตัวรอดไปสวรรค์ได้อย่างไร”
    “ทำใจให้สบายเถอะลูกรัก ไม่มีบาปใดที่ลูกทำจะยิ่งใหญ่กว่าพระเมตตาและการให้อภัยของพระเจ้า” อธิการตอบ แต่ดูเหมือนว่านักพรตท่านนั้นยังคงดื้อรั้นและไม่เชื่อในคำตอบของอธิการ

    ท่านจึงเล่าเรื่องให้เขาฟังว่า “มีอาชญากรคนหนึ่งถูกตัดสินลงโทษให้ประหารชีวิต เขาได้ร้องขอการอภัยโทษจากกษัตริย์ ในที่สุดเมื่อถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่จะมีการประหารชีวิต กษัตริย์ทรงประทานพระราชอภัยโทษให้แก่เขา และสั่งผู้คุมให้ปล่อยเขาเป็นอิสระ แต่อาชญากรไม่เชื่อว่ากษัตริย์ได้ทรงอภัยโทษเขาจริงๆ จึงแขวนคอตายในคุก” “ชายคนนั้นเป็นคนโง่จริงๆ” นักพรตโพล่งขึ้นมาทันทีเมื่ออธิการเล่าจบ
    “เธอคือผู้ชายคนนั้น” อธิการตอบกลับ “ทำไมเธอจึงไม่ให้อภัยตนเอง ในเมื่อพระเจ้าทรงพร้อมที่จะให้อภัยเธอเสมอ ความท้อแท้สิ้นหวังเปรียบได้กับอาชญากรคนนั้นที่แขวนคอตายในขณะที่กษัตริย์ได้พระราชทานอภัยโทษแก่เขาเรียบร้อยแล้ว”

ชวนคิดสะกิดใจ 
เคยอ่านข้อเขียนที่น่าประทับใจที่บอกว่า “แม่คือคนแรกที่รักเรา และจะเป็นคนสุดท้ายที่เกลียดเรา” แต่ในพระคัมภีร์ประกาศกอิสยาห์ได้เขียนว่า “ผู้หญิงจะลืมบุตรที่ยังกินนมของนาง และจะไม่เมตตาบุตรจากครรภ์ของนางได้หรือ แม้ว่าคนเหล่านี้ยังลืมได้ กระนั้นเราก็จะไม่ลืมเจ้า” พระเจ้าเมตตาต่อเรามาก เรามีความหวังและพึ่งพาพระองค์มากแค่ไหน เป็นต้นในศีลอภัยบาป?