มีฤาษีชราคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องจากผู้คนว่า เขาเป็นเหมือนกับนักบุญองค์หนึ่ง ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขา เขาคิดว่าการมาเยี่ยมของทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมาเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าเขาเป็นคนดี แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า "ฉันมาเพื่อที่จะขอให้ท่าน ให้ไปหาเพื่อนของท่านและบอกเขาว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยในชีวิตที่ดีและความเมตตากรุณาของเขา เขาไม่เคยคิดถึงตนเอง พระเจ้าจะยกเขาออกจากโลกนี้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า และพระเจ้าจะให้ตำแหน่งที่สูงส่งในสวรรค์แก่เขา"
ด้วยความยินดี ฤาษีท่านนั้นไปพบกับเพื่อนของเขา และประกาศข่าวดีแก่เพื่อนของเขาว่า ในอีก 6 เดือนข้างหน้าเขาจะเสียชีวิต และจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าในเมืองสวรรค์ ชายผู้ใจดีรำพึงกับตนเองว่า "พระเป็นเจ้าให้เวลาแก่ฉันที่จะดำเนินชีวิตในโลกนี้อีกไม่นาน ให้ฉันทำดีเท่าที่สามารถแก่เพื่อนมนุษย์ของฉัน" ดังนั้น เขาเพิ่มความพยายามของเขาเป็นสองเท่าที่จะทำความดี เมื่อเห็นดังนี้ เพื่อนของเขาบอกเขาว่า "ทำไมคุณต้องทำอะไรให้มากขึ้น สวรรค์เป็นของคุณอย่างแน่นอนแล้ว คุณควรพักผ่อนในชีวิตบั้นปลายของคุณ" แต่เขากล่าวว่า "ไม่ได้หรอก ฉันเหลือเวลาสำหรับชีวิตในโลกนี้ไม่มาก ให้ฉันทำความดีมากขึ้นเท่าที่ฉันสามารถต่อผู้อื่นเถอะ"
6 เดือนผ่านไป ชายผู้มีความประพฤติดีคนนี้ก็ยังไม่ตาย ฤาษีผู้ศรัทธาเต็มเปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวล "ทำไมเพื่อนของฉันยังไม่ตาย ก็ทูตสวรรค์บอกกับฉันนี่นาว่าเขาจะตายใน 6 เดือนข้างหน้ามิใช่รึ คนอื่นจะคิดถึงฉันอย่างไร แน่นอนเขาจะเรียกฉันว่าคนโกหก" ฤาษีเริ่มบ่นกับตนเอง และมีความทุกข์ใจ
ทูตสวรรค์มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง เขาเริ่มบ่นทันที และคร่ำครวญว่า "เพราะท่านทีเดียวที่ทำให้ผู้คนมองว่าฉันเป็นคนโกหก เป็นประกาศกปลอม" ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า "เพื่อนเอ๋ย คุณวุ่นวายอยู่กับตนเอง กับชื่อเสียงของคุณ ในขณะที่เพื่อนของคุณคิดถึงแต่คนอื่น เขาตายต่อตัวของตนเอง ในขณะที่คุณยังมีชีวิตและคิดถึงแต่ตัวเอง จงระวังความเห็นแก่ตัวของคุณ เพราะมันจะทำให้คุณไม่มีค่าพอสำหรับเมืองสวรรค์ ส่วนเพื่อนของคุณอยู่ในดวงพระหฤทัยของพระเจ้า แม้ผู้คนจะไม่คิดว่าเขาเป็นนักบุญก็ตาม"
(จากหนังสือ "การกลับมาของตะเกียง" แปลและเรียบเรียงโดยคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช)