ผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ระบายปัญหาของตน กับอาจารย์เซ็นว่า
หลายปีก่อน สมัยเธอเป็นสาวแรกรุ่น เธอได้แต่งงานกับสามีที่อายุห่างกันประมาณ10 ปี
ในตอนนั้น สามีของเธอดูยิ่งใหญ่มาก ในสายตาของเธอ
เธอชื่นชมและยกย่องสามีของเธอมาก
แต่หลังจากอยู่กินกันมาหลายปี เขาก็เปลี่ยนไป ไม่เหลือความอลังการ น่าเกรงขาม ไม่เหลือซึ่งความน่าสนใจเหมือนครั้งอดีตอีกแล้ว
เธอถามอาจารย์เซ็นว่าเป็นเพราะเหตุใด? หรือการแต่งงานคือสุสานของความรักใช่หรือเปล่า?
เมื่อเธอเล่าจบ อาจารย์เซ็นจึงบอกกับเธอว่า “เธอจงตามอาตมามา”
อาจารย์เซ็นพาเธอมายืนอยู่หน้าภูเขาลูกหนึ่ง แล้วถามว่า
“ภูเขาลูกนี้ เป็นอย่างไรบ้าง?”
“สูงใหญ่ ตระหง่านตระการตาและสวยงามเป็นที่สุด” เธอบอก
“ตามอาตมาขึ้นเขาเถอะ!”
อาจารย์เซ็นกล่าว
ตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ มีแต่เดินกับเดิน เธอเริ่มเหนื่อยและอ่อนล้า อีกทั้งทางเดินที่ขรุขระ เธอจึงบ่นอะไรเยอะแยะออกมา
เมื่อถึงยอดเขา อาจารย์เซ็นบอกเธอว่า
“นี่คือภูเขาที่เธอเห็นเมื่อสักครู่นี้”
“ภูเขาลูกนี้ไม่สวยเลย ทางเดินก็มีแต่หิน ต้นไม้ก็ไม่สวย ดูๆแล้วภูเขาลูกโน้นสวยกว่าซะอีก!”
เธอระบายความรู้สึกออกมา
อาจารย์เซ็นหัวเราะขึ้นมา และก็กล่าวว่า
“ตอนที่เป็นแฟนกัน ก็เหมือนกับมองภูเขาจากที่ไกล ในสายตามีแต่ความชื่นชม เลื่อมใส เมื่อแต่งงานแล้วก็เหมือนกับการขึ้นเขา สิ่งที่เธอได้เห็นคือความปกติธรรมดา ของกันและกัน เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขา สายตาของเธอก็เห็นแต่ภูเขาลูกอื่น ไม่เห็นภูเขาลูกเดิม ที่จริงแล้ว ภูเขาไม่ได้เปลี่ยน แต่เป็นเธอต่างหากที่เปลี่ยน เพราะใจเธอเปลี่ยน แววตาของเธอจึงเปลี่ยนไป เมื่อหมดซึ่งความชื่นชม ภูเขาก็ไม่ยิ่งใหญ่อีกต่อไป เธอปรักปรำพร่ำบ่นมากเท่าใด ความเสียหายก็มีมากเท่านั้น เพราะอะไรเธอจึงสามารถยืนอยู่บนยอดเขาลูกนี้ และเห็นภูเขาลูกอื่น? ก็เพราะเธอเหยียบอยู่บนภูเขาลูกนี้ เธอควรสำนึกคุณ ไม่ใช่ปรักปรำ"
มิใช่เพียงความรู้สึกของหญิงผู้นี้ต่อสามี ความรู้สึกของชายต่อหญิงก็ทำนองเดียวกัน หรืออาจจะคิดเปรียบได้อีกมากมาย
เด็กที่มองว่าบิดามารดาของผู้อื่นแสนดี แต่กลับมิได้สำนึกถึงพระคุณของบุพการีของตนเองก็เช่นกัน
อย่ามองข้ามคุณค่า คุณความดี ของผู้ใกล้ชิด กอดกัน รักกันให้มากๆ วันหนึ่งเมื่อต้องจากกันจะได้มีช่วงเวลาดีๆให้นึกถึงกัน
จงรักษาความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เราคบมายาวนานด้วย เพราะมิตรภาพคือของขวัญที่สวรรค์มอบให้