มีชายแก่คนหนึ่ง นอนป่วยน่าสงสาร ที่สุดมีหมอคนหนึ่งได้มาตรวจและเห็นว่า ชายแก่คนนี้ป่วยเป็นโรคขาดอาหาร และร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศต่าง ๆ ได้
จากนั้นก็มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ มาเยี่ยมชายแก่นั้น และได้สอนชายแก่คนนั้นถึงคุณค่าและธรรมชาติของอาหารตามหลักโภชนาการ และความจำเป็นของอาหารที่จะเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย
ส่วนชายอีกคนหนึ่งท่าทางอ่อนโยน และเต็มไปด้วยความเศร้าโศกสะเทือนใจ เมื่อมองเห็นสภาพของชายแก่คนนั้น เขาก็เริ่มร้องไห้ สะอึกสะอื้นเมื่อได้ทราบถึงเรื่องราวของชายแก่ผู้น่าสงสารนั้น ที่สุดเขาก็จากไปด้วยผ้าเช็ดหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา เมื่อกลับไปถึงบ้านข้าวปลาก็กินไม่ลง จะผิงไฟก็ไม่อุ่นเหมือนก่อน เมื่อหวนคิดถึงชีวิตที่น่าสงสารของชายแก่ที่ไม่มีอาหารและที่พักพิงที่ดี
ชายอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาสู่กระท่อมของชายแก่ด้วยท่าทีที่โกรธจัด และขุ่นเคืองกับสภาพที่ขาดความเหลียวแลของสังคม และตะโกนด้วยความโกรธว่าเหตุการณ์เช่นนี้มันเป็นจุดบอดในสังคมที่นับว่าเจริญแล้วของเรา และเราควรจะมีกฎหมายเพื่อคุ้มครองคนแก่เช่นนี้
ที่สุด ชายคนหนึ่งท่าทางเรียบ ๆ ไม่ได้แสดงท่าทีว่ามีภูมิความรู้ เขาไม่ได้ร้องไห้หรือตะโกน เขาเป็นคนจน จนด้วยวัตถุสิ่งของ แต่ร่ำรวยในความรัก เมื่อเขาพบสภาพชายแก่คนนี้ เขารีบกลับไปบ้านและนำเอาขนมปังครึ่งปอนด์ซึ่งเขามีอยู่มาให้ เขารีบม้วนแขนเสื้อถลกขึ้น และนำแผ่นไม้มาปะหลังคาและฝาผนัง เขาเฝ้าคอยดูแลชายแกคนนั้น ทุกเวลาที่เขาสามารถมาเฝ้าได้ จนชายแก่คนนั้นดีขึ้น เขาดีขึ้นไม่ใช่เพราะความรู้ ไม่ใช่รอยน้ำตา และไม่ใช่ด้วยกฎหมาย แต่ด้วยความรัก
ขอบคุณเจ้าของเรื่อง