ไม่ว่าปัญหาของท่านจะหนักปานใด ก็ยังด้อยกว่าพระอานุภาพของพระเจ้า จงมอบชีวิตและปัญหาของท่านไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
“พระเจ้าที่พวกข้าพเจ้ารับใช้สามารถช่วยกู้ข้าพเจ้าจากเตาไฟที่ลุกอยู่” (ดนล 3:17)
พระเจ้ามิได้ทรงช่วยชีวิตโลก เพราะได้ทรงกระทำแล้ว หน้าที่ (งาน) ของเราคือ ทำให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้
“จงประกาศพระวาจา จงพร้อมสรรพทั้งเมื่อมีโอกาสและเมื่อไม่มีโอกาส จงว่ากล่าว จงตักเตือน จงให้กำลังใจ โดยพร่ำสอนด้วยความพากเพียรอย่างเต็มที่” (2ทธ 4:2)
ความว้าเหว่และความรู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการเป็นความขาดแคลนที่น่ากลัวที่สุด
“ท่านจะทิ้งเราไว้คนเดียว แต่เราไม่อยู่คนเดียว เพราะพระบิดาทรงอยู่กับเรา” (ยน 16:32)
ปรีชาญาณ คือ ความสามารถในการใช้ความรู้เพื่อให้ประสบความสำเร็จในยามฉุกเฉินของชีวิต มนุษย์อาจหาความรู้มาได้ แต่ปรีชาญาณเป็นพระพรโดยตรงจากพระเจ้า
“ได้ปรีชาญาณก็ดีกว่าได้ทองคำสักเท่าใด ที่จะเลือกเอาความรู้ก็ดีกว่าเงิน” (สภษ 16:16)
อย่าสร้างสิ่งกีดขวางจินตนาการ อุปสรรคมีไว้ศึกษาและจัดการ มิใช่ทำให้ขยาดเพราะความขลาดกลัว
“พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรัก และการควบคุมตนเองแก่เรา” (1ทธ 1:17)
จงมั่นใจว่าท่านก้าวไปในทางที่ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจก้าวไปอย่างมั่นคง
“ถ้าเจ้าไม่ยึดมั่นอยู่ในความเชื่อ ก็จะตั้งมั่นเจ้าไว้ไม่ได้” (อสย 7:9)
ถ้าท่านรักองค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำงานด้วยความซื่อสัตย์เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยชีวิต แม้ความอ่อนแอก็จะกลายเป็นความเข้มแข็งเพื่อพระสิริมงคลของพระองค์
“เมื่อท่านจะกิน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด” (1คร 10:31)
อุปนิสัยใจคอคือสิ่งที่ท่านเป็นในความมืด
“ท่านจะต้องเป็นแบบอย่างในกิจการที่ดี เมื่อสอนก็จงสอนด้วยความจริงใจและจริงจัง” (ทต 2:7)
เรารู้จักต้นไม้ด้วยผลของมันฉันใด เรารู้จักมนุษย์ด้วยการดำเนินชีวิตของเขาฉันนั้น
“ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน 13:35)
ผู้ใฝ่หาสันติย่อมดีกว่าผู้เรียนรู้
“ผู้ที่สร้างสันติ ย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม” (ยก 3:18)
ความกังวลเป็นเหมือนกับเก้าอี้โยก ทำให้ท่านมีอะไรทำ แต่ไม่ต้องการท่านในที่ใดๆ
“เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายอย่างกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว” (มธ 6:34)
เมื่อท่านรับพระเจ้าเป็นหุ้นส่วน สิ่งที่ท่านได้รับนั้นปราศจากขีดจำกัด
“จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ 6:33)
ถ้าท่านพบว่าเคยกระทำสิ่งใดที่มีคุณค่า นั่นเป็นเพราะความตั้งใจที่พากเพียรมากกว่าพรสวรรค์ด้านอื่นๆ
“ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา” (ฮบ 10:36)
จงอยู่ใกล้ผู้ที่สามารถท้าทายท่าน และผู้ที่ท่านสามารถท้าทายเขา
“จงให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และจงช่วยเสริมสร้างซึ่งกันและกัน ดังที่ท่านกำลังกระทำอยู่แล้วนี้เถิด” (1ธส 5:11)
ท่านจะไม่เป็นผู้แพ้ ถ้าท่านไม่หยุดความพยายาม
“ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา” (ฮบ 10:36)
ผู้ใดแสวงหาความยิ่งใหญ่ ให้เขาลืมความยิ่งใหญ่ แต่ร้องขอความจริง และเขาจะพบทั้งสองอย่าง
“ข้าพเจ้าปิติยินดีในการปฏิบัติตามกฤษฎีกาของพระองค์ เหมือนกับชื่นชมในทรัพย์สมบัติมากมาย” (สดด 119:14)
พระเจ้ามิได้ทรงวัดมนุษย์ที่สมอง แต่ทรงวัดที่หัวใจ
“พระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ” (1ซมอ 19:7)
ให้พระเจ้ามาก่อน แล้วท่านจะมีพละกำลังที่จะประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงวางไว้ต่อหน้าท่าน จงวางใจในพระอานุภาพของพระองค์
“ขอพระองค์ประทานพละกำลังแก่ท่านเดชะพระจิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ให้ชีวิตภายในของท่านเข้มแข็งยิ่งขึ้น พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพำนักในจิตใจของท่านอาศัยความเชื่อ” (อฟ 3:16 -17)
จงฟังด้วยความอ่อนโยน ตัดสินด้วยความกรุณา
“ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า” (มธ 5:9)
เพียงเมื่อเรายอมคุกเข่าต่อหน้าพระเจ้า เราจึงสามารถยืนอยู่ต่อหน้ามนุษย์
“เราจงเข้าไปสู่พระบัลลังก์แห่งพระหรรษทานด้วยความมั่นใจเพื่อรับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกื้อกูลในยามที่เราต้องการ” (ฮบ 4:16)
ข้าพเจ้าพบว่าการกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้ไม่มีเวลาไปโต้เถียงถึงแผนการของพระองค์
“ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมจิตใจไว้ให้พร้อมที่จะปฏิบัติงาน จงบังคับตนเอง ตั้งความหวังทั้งหมดไว้ในพระหรรษทาน ซึ่งพระเจ้าจะทรงนำมาประทานให้เมื่อพระเยซูคริสตเจ้าทรงสำแดงพระองค์”
(1ปต 1:13)
ผู้คนอาจสงสัยในสิ่งที่ท่านพูด แต่พวกเขาจะเชื่อในสิ่งที่ท่านกระทำ
“แสงสว่างของท่านต้องส่องสว่างต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์” (มธ 5:16)
ผู้เสแสร้งในการแสดงบุคลิกลักษณะของตน เขาสูญเสียการแสดงบุคลิกลักษณะทั้งหมดของตน
“ในน้ำ คนเห็นหน้าคนฉันใด ความคิดคนก็ส่อคนฉันนั้น” (สภษ 27:17)
ความมั่งมีที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือ ผู้ที่พี่น้องให้ความเคารพและรักเขา
“จงช่วยค้ำจุนพี่น้องของท่านเถิด” (ลก 22 :32)
คำพูดที่เมตตาราคาไม่แพง แต่ประสบความสำเร็จสูง
“ถ้อยคำแช่มชื่นเหมือนรวงผึ้ง เป็นความหวานแก่วิญญาณจิต และเป็นอนามัยแก่ร่างกาย” (สภษ 16:24)
ผู้ไม่มีความเข้มแข็ง ถ้าเขาพึ่งพาพระเจ้า เขากลับมีพลัง
“มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา” (ศคย 4:6)
เราต้องยอมรับความผิดหวังอันไม่ถาวร แต่เราต้องไม่สูญเสียความหวังอันถาวร
“พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นหลักศิลา และทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้า ทรงเป็นที่มั่นป้องกันข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว” (สดด 62:2)
ขอให้เราจัดการกับทุกคนในโลกด้วยการพูดความจริงและรับใช้ความยุติธรรม
“พระเจ้าทรงประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความชอบธรรมและความสัตย์ซื่อของเขา” (1ซมอ 26:23)
ความใฝ่ฝันเป็นสิ่งดี แต่จะดีกว่าถ้ามีความใฝ่ฝันและทำงาน ความเชื่อมีอานุภาพ แต่การกระทำด้วยความเชื่อมีอานุภาพมากกว่า ความปรารถนามีประโยชน์ แต่การทำงานและมีความปรารถนานั้นยืนยงคงกระพัน
“ประชาชนผู้รู้จักพระเจ้าของเขาทั้งหลายจะยืนมั่นและปฏิบัติงาน” (ดนล 11:32)
ถ้าท่านมีเป้าหมายที่จัดไว้อย่างดี แต่ทำไม่ได้ตามที่คาดหวังอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ ความเพียรพยายามนั้นสำคัญเช่นเดียวกับการไปให้ถึงจุดหมาย ไม่ต้องกังวลถึงความพ่ายแพ้ เพียงแค่กระทำต่อไปตามเป้าหมาย
“ข้าพเจ้ากำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยไปหารางวัลที่พระเจ้าทรงเรียกจากสวรรค์ให้ข้าพเจ้าไปรับในพระคริสตเยซู” (ฟป 3:14)
วิธีระลึกถึงผู้อื่นที่ดีที่สุด คือ การสวดภาวนา
“จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจคำอธิษฐานวอนขอต่างๆ ทุกโอกาส” (อฟ 6:18)