การหว่านพระวรสาร
31 หลังจากทดสอบพื้นดินแล้ว ผู้หว่าน ( พระเยซูคริสตเจ้า ) ได้ส่งคนงานของเขาไปประกาศพระวรสารทั่วโลก และเพื่อให้คนงานเหล่านั้นสามารถทำงานประสบผลสำเร็จ เขาจึงได้แบ่งปันอำนาจแห่งพระจิตที่เขามีแก่คนงานของเขาด้วย ในขณะเดียวกันเขาได้แสดงวิธีอ่านเครื่องหมายแห่งกาลเวลาแก่บรรดาคนงาน และขอให้พวกเขาเตรียมตัวเป็นพิเศษเพื่อให้การหว่านนี้สำเร็จลุล่วงไป
วิธีอ่านเครื่องหมายแห่งกาลเวลา
32 เสียงแห่งพระจิตเจ้าซึ่งพระเยซูเจ้าทรงใช้ในพระนามของพระบิดา เพื่อสื่อสารกับบรรดาสาวก “ประกาศก้องในเหตุการณ์ที่แท้จริงแห่งประวัติศาสตร์” (FC 4b; อ้างถึง ChL 3e) หลังการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของสถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบันและโดยเหตุจูงใจอันลึกซึ้งที่ต้องประกาศพระวรสารนี้เอง เป็นเหตุให้เราต้องค้นหาว่า “อะไรเป็นเครื่องหมายแท้ของการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าหรือพระประสงค์ของพระองค์” (GS 11; อ้างถึง GS 4)
อย่างไรก็ดี การวิเคราะห์เช่นนี้ต้องกระทำภายใต้แสงแห่งความเชื่อ พระศาสนจักรอาศัยศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ (human sciences) อันเป็นสิ่งสำคัญเสมอในการแสวงหาความหมายของสภาพการณ์ปัจจุบันภายใต้ทัศนวิสัยในเรื่องประวัติศาสตร์แห่งความรอด การพิจารณาของพระศาสนจักรเกี่ยวกับสภาพที่เป็นจริงจึงเป็นการวิเคราะห์ถึงความจำเป็นของงานธรรมทูตเสมอ
สิ่งท้าทายในการสอนคำสอน
33 เพื่อที่จะแสดงถึงพลังชีวิตในการสอนคำสอนและสามารถ ทำงานได้ดังปรารถนา การสอนคำสอนปัจจุบันนี้จำเป็นต้องมีการดำเนินการในสิ่งที่ท้าทายและข้อแนะนำต่างๆ ดังนี้
- การสอนคำสอนต้องแสดงตัวเป็นกิจการที่รับใช้การประกาศ พระวรสารของพระศาสนจักรอย่างเข้มแข็ง ด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในด้านงานธรรมทูตเหนือสิ่งอื่นใด
- ต้องมีการเตรียมการสอนให้เหมาะแก่บุคคลต่างๆ ซึ่งเป็นผู้รับที่มีสิทธิพิเศษในการรับรู้คำสอนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เด็ก วัยรุ่น เยาวชน และผู้ใหญ่
- ต้องยึดถือแบบอย่างการสอนคำสอนในยุคปิตาจารย์ (แปดศตวรรษแรก) เป็นหลัก เพื่อการสอนคำสอนนั้นจะสร้างบุคลิกภาพของผู้มีความเชื่อ และเป็นระบบการฝึกอบรมคริสตชนอย่างเหมาะสมและถูกต้อง
- การสอนคำสอนต้องประกาศพระธรรมล้ำลึกของศาสนาคริสต์ ส่งเสริมประสบการณ์ชีวิตพระตรีเอกภาพในพระคริสตเจ้าในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของชีวิตที่มีความเชื่อ
- ต้องถือว่าการเตรียมและการอบรมครูคำสอนให้มีความเชื่อที่ลึกซึ้งเป็นภาระที่สำคัญอันดับแรกของการสอนคำสอน