พระเยซูเจ้าทรงถูกไต่สวนต่อหน้าอันนาส
ข่าวดี ยน 18:12-14, 19-24
(12)กองทหาร ผู้บังคับกองและยามรักษาพระวิหารที่ชาวยิวจัดให้จับกุมพระเยซูเจ้า มัดพระองค์ (13)นำไปหาอันนาสก่อน อันนาสเป็นบิดาภรรยาของคายาฟาส ซึ่งเป็นมหาสมณะในปีนั้น (14)คายาฟาสเป็นผู้ที่ให้คำแนะนำกับชาวยิวว่า “จะเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าคนเดียวจะตายเพื่อประชาชน”
(19)มหาสมณะซักถามพระเยซูเจ้าถึงเรื่องศิษย์และคำสั่งสอนของพระองค์ (20)พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราพูดให้โลกฟังอย่างเปิดเผย เราสั่งสอนในศาลาธรรมเสมอและในพระวิหารซึ่งชาวยิวทุกคนมาชุมนุมกัน เราไม่เคยพูดสิ่งใดเป็นความลับ (21)ท่านถามเราทำไม จงถามผู้ที่ได้ฟังเราเถิดว่าเราบอกสิ่งใดกับเขา เขารู้ว่าเราได้พูดสิ่งใด (22)เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนี้ ยามคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ที่นั่นตบพระพักตร์พระเยซูเจ้า ตวาดว่า “เจ้าตอบเช่นนี้กับมหาสมณะได้หรือ” (23)พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าเราพูดผิด จงชี้ให้เห็นว่าเราผิดอย่างไร แต่ถ้าเราพูดถูก
มีพระวรสารของยอห์นเท่านั้นที่บันทึกว่า พระเยซูเจ้าทรงถูกนำตัวไปพบอันนาสก่อนคายาฟาสซึ่งเป็นมหาสมณะในขณะนั้น
อันนาสเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังและกระฉ่อนมาก ไม่มีใครประสบความสำเร็จและร่ำรวยมากเท่าเขา แต่ในเวลาเดียวกันก็ไม่มีใครที่ผู้คนจะเกลียดชังและด่าแช่งมากเท่ากับเขา
อันนาสเป็นมหาสมณะระหว่าง ค.ศ. 6-15 ต่อจากนั้นบุตรชายของเขาอีกสี่คนได้สืบทอดตำแหน่งนี้ต่อมา แม้คายาฟาสซึ่งเป็นมหาสมณะคนปัจจุบันก็เป็นบุตรเขยของเขาเอง เรียกว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังอำนาจตัวจริงคืออันนาสนี่เอง
ในสมัยที่ชาวยิวยังเป็นอิสระจากกรุงโรม มหาสมณะดำรงตำแหน่งตลอดชีวิต แต่เมื่อรัฐบาลโรมก้าวเข้ามามีบทบาทในปาเลสไตน์ ตำแหน่งมหาสมณะกลายเป็นสิ่งที่ต้องช่วงชิง ใช้เส้นสาย ติดสินบน และมีการคอร์รัปชั่นกันอย่างไม่อายฟ้าดิน ใครที่ประจบประแจงผู้ว่าราชการโรมันเก่งและพร้อมจ่ายค่าตอบแทนในราคาสูง ก็จะได้ตำแหน่งมหาสมณะมาครอบครอง
เมื่อต้องลงทุนสูง มหาสมณะจึงต้องหาทางถอนทุนบวกกับกำไรทุกวิถีทาง
พระวิหารรอบนอกสุดเป็นบริเวณสำหรับคนต่างศาสนา ในบริเวณนี้เองที่ยอห์นเล่าว่า “พระองค์ทรงพบพ่อค้าขายโค พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระองค์ทรงใช้เชือกเป็นแส้ ทรงขับไล่ทุกคนรวมทั้งแกะและโคออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลื่อนกลาด และทรงคว่ำโต๊ะของผู้แลกเงิน แล้วตรัสแก่คนขายนกพิราบว่า ‘จงนำของเหล่านี้ออกไป อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด’” (ยน 2:14-16)
บริเวณนี้เองที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเป็นบาซ่าร์ (ตลาด) ของอันนาส แต่สิ่งที่ลูกน้องของอันนาสกระทำกลับไม่ใช่การค้าขาย ที่ถูกต้องเรียกว่าขูดรีด
กฎหมายกำหนดไว้ว่าสัตว์ที่นำมาถวายบูชาในพระวิหารต้องปราศจากตำหนิ อันนาสจึงแต่งตั้งผู้ตรวจสอบเพื่อตรวจตราสัตว์ที่ซื้อมาจากร้านค้านอกพระวิหาร ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องพยายามค้นหาจนพบตำหนิและใช้ถวายบูชาไม่ได้
แต่ถ้าซื้อสัตว์จากร้านค้าของอันนาสซึ่งอยู่ภายในพระวิหาร ถือว่าผ่านการตรวจสอบโดยอัตโนมัติ และไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกห้ามถวาย
ฟังดูเหมือนเป็นการอำนวยความสะดวก แต่มีหลักฐานว่าราคานกพิราบที่ซื้อขายในพระวิหารสูงกว่านอกพระวิหารถึง 18.75 เท่า หรือ 1,875 เปอร์เซ็นต์
ครอบครัวของอันนาสจึงมั่งคั่งร่ำรวย แต่เป็นความมั่งคั่งที่ได้มาจากการฉกฉวยผลประโยชน์จากคนที่มานมัสการพระเจ้า และจากการซื้อขายเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์ !
หนังสือ Talmud จึงมีข้อความตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า “วิบัติจงมีแก่ครอบครัวของอันนาส ! วิบัติจงมีแก่เสียงขู่เหมือนงูของพวกเขา ! พวกเขาเป็นมหาสมณะ บุตรชายของพวกเขาเป็นผู้ดูแลสมบัติ บุตรเขยของพวกเขาเป็นผู้ดูแลพระวิหาร และบรรดาคนใช้ของพวกเขาไล่ตีประชาชนด้วยไม้เท้า”
อันนาสและครอบครัวของเขาช่างมีชื่อเสียงกระฉ่อนขนาดได้ลงหนังสือ Talmud !!
จึงไม่แปลกที่อันนาสจัดให้พระเยซูเจ้ามาพบเขาก่อน เพราะพระองค์คือผู้ที่ทุบหม้อข้าวหม้อแกงของเขา พระองค์มาขัดจังหวะการแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าขายเครื่องบูชาของเขา
เขาอยากดูพระองค์ให้สะใจหน่อย !
กระบวนการไต่สวนของอันนาสขัดกับกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง เพราะกฎหมายยิวห้ามถามคำถามที่เป็นการปรักปรำตัวผู้ต้องหาเอง แต่อันนาสกลับถามพระเยซูเจ้าถึงเรื่องคำสอนของพระองค์ (ยน 18:19)
พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ท่านถามเราทำไม จงถามผู้ที่ได้ฟังเราเถิดว่าเราบอกสิ่งใดกับเขา” (ยน 18:21) ความหมายของพระองค์คือ “หาพยานมาปรักปรำเราตามกฎหมายสิ คุณมีสิทธิ์สอบถามพยานนี่ แต่ไม่มีสิทธิ์มาซักถามเรา”
ผลคือยามคนหนึ่งตบพระพักตร์ของพระองค์ เหมือนกับต้องการจะบอกพระองค์ว่า “เอ็งกล้าสอนวิธีไต่สวนแก่มหาสมณะหรือ”
พระองค์จึงตอบว่า “ถ้าเราพูดหรือสอนสิ่งใดผิดก็หาพยานมาสิ เราพูดตามกฎหมาย แล้วมาตบเราทำไม”
พระเยซูเจ้าไม่มีความหวังที่จะได้รับความยุติธรรมเลย เพราะพระองค์ไปแตะต้องผลประโยชน์ของอันนาสและญาติโยมของเขา
อันที่จริงพระองค์ถูกตัดสินก่อนการไต่สวนเสียอีก !
กระนั้นก็ตาม อย่าว่าแต่อันนาสเลย เพราะหากเราปล่อยตัวให้จมอยู่ในความผิดเหมือนเขา เราคงหาทางกำจัดฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากโดยไม่คำนึงถึงวิธีการว่าจะถูกกฎหมายหรือไม่ เหมือนกัน !