วันเสาร์ สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก (มก 2:13-17)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปริมฝั่งทะเลสาบอีก ประชาชนต่างมาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงสั่งสอนเขา ขณะที่ทรงพระดำเนินไป พระองค์ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อเลวี บุตรของอัลเฟอัสกำลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของเลวี คนเก็บภาษีและคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เพราะมีหลายคนติดตามพระองค์มา บรรดาธรรมาจารย์ที่เป็นฟาริสีเห็นพระองค์เสวยร่วมกับคนบาปและคนเก็บภาษี จึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านกินอาหารกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้นจึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่เรามาเพื่อเรียกคนบาป”
มก 2:13-17 พวกคนเก็บภาษีเป็นชาวยิวที่ชาวโรมันจ้างให้เก็บภาษีจากประชาชน พวกเขาเป็นที่เกลียดชังเนื่องจากทำงานให้กับชาวโรมันและเป็นที่รู้จักว่าไม่ซื่อสัตย์ ด้วยเหตุนี้ชาวยิวที่เคร่งครัดจึงไม่ติดต่อกับพวกเขา ในฐานะที่พระคริสตเจ้าทรงเป็นแพทย์สวรรค์ พระองค์ทรงต้อนรับคนบาป เหตุว่าภารกิจของพระองค์คือการกำจัดความเจ็บไข้ของพวกเขาจากบาป และประทานชีวิตนิรันดรให้แก่พวกเขา
CCC ข้อ 574 นับตั้งแต่แรกที่พระเยซูเจ้าทรงเริ่มเทศน์สอนประชาชน ชาวฟาริสีและพรรคพวกของกษัตริย์เฮโรด รวมทั้งบรรดาสมณะและธรรมาจารย์ ได้ประชุมปรึกษากันว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไร เพราะกิจการบางอย่างที่ทรงกระทำ เช่น การขับไล่ปีศาจ การอภัยบาป การรักษาคนเจ็บป่วยในวันสับบาโต การที่ทรงตีความตามแบบของพระองค์เกี่ยวกับกฎเรื่องการมีมลทินหรือไม่มี การที่ทรงคบค้ากับคนเก็บภาษีเพื่อรัฐบาลโรมและคนบาป บางคนที่มีเจตนาร้ายได้ตั้งข้อสงสัยว่าพระองค์ทรงถูกปีศาจสิง พระองค์ยังทรงถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทพระเจ้า และเป็นประกาศกเทียม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดทางศาสนาที่ธรรมบัญญัติกำหนดโทษให้ประหารชีวิตโดยใช้ก้อนหินทุ่มให้ตาย
CCC ข้อ 545 พระเยซูเจ้าทรงเชิญคนบาปเข้ามาร่วมโต๊ะของพระอาณาจักร “เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่เรามาเพื่อเรียกคนบาป” (มก 2:17) พระองค์ทรงเชิญคนเหล่านี้ให้กลับใจ ถ้าไม่กลับใจก็จะเข้าพระอาณาจักรไม่ได้ แต่ก็ยังทรงแสดงทั้งด้วยพระวาจาและการกระทำให้เขาเหล่านั้นแลเห็นพระกรุณาหาขอบเขตมิได้ของพระบิดาต่อเขาทั้งหลายด้วย และยังตรัสด้วยว่า “จะมีความยินดียิ่งใหญ่ในสวรรค์เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจ” (ลก 15:7) การพิสูจน์สูงสุดของความรักนี้ก็คือการถวายชีวิตของพระองค์เองเป็นบูชา “เพื่ออภัยบาปของมนุษย์ทั้งหลาย” (มธ 26:28)
CCC ข้อ 1484 “การสารภาพบาปทีละคนอย่างครบถ้วนและการอภัยบาปยังคงเป็นวิธีการปกติวิธีเดียวที่ผู้มีความเชื่อจะกลับคืนดีกับพระเจ้าและพระศาสนจักรได้ เว้นแต่ว่าเมื่อการสารภาพบาปเช่นนี้ทำไม่ได้เพราะมีเหตุขัดข้องทางกายภาพ (คือในกรณีพิเศษที่เกิดขึ้น) หรืออาจมีเหตุจำเป็นหรือควรอนุญาตให้อภัยบาปพร้อมกันหลายๆ คน โดยไม่ต้องสารภาพบาปทีละคนก่อนเลยก็ได้” จะทำเช่นนี้ได้ก็ต้องมีเหตุผลจำเป็นจริงๆ พระคริสตเจ้าทรงทำงานในศีลศักดิ์สิทธิ์แต่ละศีล ทรงกล่าวเป็นการส่วนตัวแก่คนบาปแต่ละคน “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” (มก 2:5) พระองค์ทรงเป็นนายแพทย์ผู้เอาใจใส่ต่อคนเจ็บแต่ละคนที่ต้องการพระองค์เพื่อทรงบำบัดรักษาเขา พระองค์ทรงยกเขาขึ้นมาและทำให้เขากลับมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาพี่น้องอีก การสารภาพบาปทีละคนจึงเป็นรูปแบบการกลับคืนดีกับพระเจ้าและกับพระศาสนจักรที่มีความหมายอย่างที่สุด
CCC ข้อ 1503 การที่พระคริสตเจ้าทรงแสดงความเห็นใจต่อคนเจ็บป่วยและทรงรักษาโรคคนเจ็บป่วยชนิดต่างๆ หลายครั้งเป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพระเจ้าทรงมาเยี่ยมประชากรของพระองค์และพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้เต็มทีแล้ว พระเยซูเจ้าไม่ทรงมีแต่เพียงอำนาจบำบัดรักษาเท่านั้น แต่ยังทรงมีอำนาจที่จะอภัยบาปด้วย พระองค์เสด็จมาเพื่อจะทรงบำบัดรักษามนุษย์ทั้งตัว คือทั้งร่างกายและวิญญาณ พระองค์ทรงเป็นนายแพทย์ที่คนเจ็บป่วยต้องการ ความเห็นอกเห็นใจที่ทรงมีต่อทุกคนที่กำลังทนทุกข์ก้าวไปไกลจนทำให้พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเหล่านั้น “เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม” (มธ 25:36) ตลอดเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมา ความรักของพระองค์เป็นพิเศษต่อคนเจ็บป่วยไม่ได้หยุดยั้งที่จะปลุกให้บรรดาคริสตชนมีความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อผู้ที่ต้องทนทุกข์ทั้งในร่างกายหรือจิตใจ ความพยายามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะช่วยเขาเหล่านี้เกิดจากความเอาใจใส่นี้เอง
มก 2:15-17 ตรงกันข้ามกับชาวฟาริสีที่ดูถูกและแยกตัวเองออกจากคนบาป พระคริสตเจ้ากลับทรงแสวงหาพวกเขาอย่างกระตือรือร้น แพทย์ที่มีหน้าที่รักษาผู้ป่วยฉันใด พระองค์ก็ทรงมาเพื่อเยียวยารักษาคนบาปฉันนั้น
CCC ข้อ 1503 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (มก 2:13-17)
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)