วันศุกร์ เทศกาลพระคริสตสมภพ
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 5:12-16)
วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ในเมืองหนึ่ง ชายคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อนเต็มตัว เมื่อเห็นพระองค์ ก็กราบพระบาทอ้อนวอนว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” พระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด” พระองค์ทรงกำชับเขามิให้บอกผู้ใด แต่ “จงไปแสดงตนแก่สมณะ และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายจากโรคแล้ว”
ข่าวเกี่ยวกับพระองค์กลับกระจายออกไปมากขึ้น ประชาชนจำนวนมากต่างมาฟังพระองค์และรับการรักษาโรค แต่พระองค์เสด็จไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนา
ลก 5:12-26 โรคเรื้อนเป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่ทำให้ผู้เป็นโรคนี้ไม่บริสุทธิ์ตามพิธีกรรมทางศาสนาและต้องถูกขับออกจากสังคม ตามกฎหมายของชาวยิวนั้น ห้ามผู้ใดสัมผัสคนโรคเรื้อน ดังนั้นการที่พระคริสตเจ้าทรงสัมผัสคนโรคเรื้อนและรักษาเขานั้นเป็นการกระทำที่พิเศษ พระคริสตเจ้าทรงแสดงพระอานุภาพของพระองค์อย่างต่อเนื่องในการรักษาคนโรคเรื้อนและคนอัมพาต และทรงทำให้ประชาชนมากมายปรารถนาที่จะได้รับการรักษาและความบรรเทาใจ ซึ่งในภายหลังพระองค์ทรงแสดงพระอานุภาพของพระเจ้าในอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นก็คือการอภัยบาป
CCC ข้อ 1503 การที่พระคริสตเจ้าทรงแสดงความเห็นใจต่อคนเจ็บป่วยและทรงรักษาโรคคนเจ็บป่วยชนิดต่างๆ หลายครั้งเป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพระเจ้าทรงมาเยี่ยมประชากรของพระองค์และพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้เต็มทีแล้ว พระเยซูเจ้าไม่ทรงมีแต่เพียงอำนาจบำบัดรักษาเท่านั้น แต่ยังทรงมีอำนาจที่จะอภัยบาปด้วย พระองค์เสด็จมาเพื่อจะทรงบำบัดรักษามนุษย์ทั้งตัว คือทั้งร่างกายและวิญญาณ พระองค์ทรงเป็นนายแพทย์ที่คนเจ็บป่วยต้องการ ความเห็นอกเห็นใจที่ทรงมีต่อทุกคนที่กำลังทนทุกข์ก้าวไปไกลจนทำให้พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเหล่านั้น “เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม” (มธ 25:36) ตลอดเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมา ความรักของพระองค์เป็นพิเศษต่อคนเจ็บป่วยไม่ได้หยุดยั้งที่จะปลุกให้บรรดาคริสตชนมีความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อผู้ที่ต้องทนทุกข์ทั้งในร่างกายหรือจิตใจ ความพยายามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะช่วยเขาเหล่านี้เกิดจากความเอาใจใส่นี้เอง
ลก 5:16 พระองค์เสด็จไปยังที่สงัด : พระคริสตเจ้ามักทรงปลีกพระองค์จากฝูงชนเพื่อการภาวนาส่วนตัวอยู่บ่อยๆ บทภาวนาของพระองค์เป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับคริสตชนทั้งมวล
CCC ข้อ 2602 หลายครั้งพระเยซูเจ้าทรงปลีกพระองค์ไปในที่เปลี่ยว บนภูเขา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เพื่อทรงอธิษฐานภาวนา เมื่อทรงอธิษฐานภาวนา พระองค์ทรงนำมนุษย์ไปกับพระองค์ด้วย เพราะเมื่อทรงรับสภาพมนุษย์ พระองค์ทรงรับมนุษยชาติมาไว้กับพระองค์ และเมื่อทรงถวายพระองค์แด่พระบิดา พระองค์ก็ทรงถวายมวลมนุษย์แด่พระบิดาด้วย พระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระวจนาตถ์ซึ่ง “รับเนื้อหนังร่างกาย” เมื่อทรงอธิษฐานภาวนาแบบมนุษย์ ก็ทรงมีประสบการณ์แบบมนุษย์ในชีวิตเหมือนกับ “บรรดาพี่น้องของพระองค์” ต้องประสบในชีวิต พระองค์ทรงมีส่วนร่วมในความอ่อนแอของเขาก็เพื่อช่วยเขาให้พ้นจากความอ่อนแอเหล่านี้ได้ พระบิดาทรงส่งพระองค์มาก็เพื่อการนี้ พระวาจาและพระราชกิจที่ทรงกระทำจึงเป็นเสมือนการแสดงให้เราเห็นการอธิษฐานภาวนา “อย่างลับๆ” ของพระองค์
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)