วันศุกร์ สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา (น.ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา)
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 12:54-59)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า”
“ทำไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้อง ขณะที่ท่านกำลังไปศาลกับคู่ความของท่าน จงพยายามตกลงกันระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไปต่อหน้าผู้พิพากษาและผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนถึงเศษสตางค์สุดท้าย”
ลก 12:54-59 คนในยุคของผู้ที่ไม่มีความเชื่อมักแสวงหาอัศจรรย์เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ของพระคริสตเจ้า แต่ก็ล้มเหลวที่จะรับรู้บทเรียนซึ่งอยู่เบื้องหลังเครื่องหมายที่ได้ปรากฏออกมาแล้ว การปฏิเสธกฎทางศีลธรรมและคำเชื้อเชิญของพระคริสตเจ้าสู่การกลับใจนั้นนำไปสู่ความมืดบอด และบางครั้งทำให้เขาเกลียดชังความจริง บุคคลหนึ่งจะผิดก็ต่อเมื่อเขาจงใจที่จะเพิกเฉยต่อความจริงโดยเจตนา
CCC ข้อ 2088 พระบัญญัติประการแรกเรียกร้องจากเราให้หล่อเลี้ยงและรักษาความเชื่อของเราไว้อย่างเอาใจใส่และชาญฉลาด ทั้งให้เราละทิ้งทุกสิ่งที่ขัดกับความเชื่อนี้ เราอาจทำบาปผิดต่อความเชื่อได้หลายวิธี เช่น ความสงสัยโดยจงใจเกี่ยวกับความเชื่อไม่สนใจหรือไม่ยอมรับว่าเรื่องที่พระเจ้าทรงเปิดเผยและพระศาสนจักรกำหนดให้เชื่อนั้นเป็นความจริง ความสงสัยโดยไม่จงใจหมายถึงความลังเลใจที่จะเชื่อ ความยากลำบากที่จะเอาชนะข้อโต้แย้งที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ หรือแม้กระทั่งความไม่สบายใจที่เกิดจากความเข้าใจได้ยากของความเชื่อ ความสงสัย ถ้าจงใจปล่อยให้คงอยู่ต่อไป อาจนำไปถึงจิตใจมืดบอดได้
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)