วันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 10:1-12)
ต่อจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า ”แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้กล่าวโทษท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสโดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น
ลก 10:1 เจ็ดสิบ: เป็นตัวเลขที่อ้างอิงถึงผู้อาวุโสเจ็ดสิบคนของโมเสสและเจ็ดสอบชนชาติในหนังสือปฐมกาล ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่าจมีการป่าวประกาศพระวรสารและข่าวสารแห่งความรอดพ้นไม่เพียงแต่ในระหว่างชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่รวมไปถึงทุกๆ ชนชาติด้วย
CCC ข้อ 765 พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดให้ชุมชนของพระองค์มีโครงสร้างซึ่งจะคงอยู่จนถึงความสำเร็จสมบูรณ์ของพระอาณาจักร โดยเฉพาะมีการเลือกสาวกสิบสองคนพร้อมกับเปโตรในฐานะผู้นำของเขา สาวกสิบสองคนเป็นตัวแทนของสิบสองเผ่าของอิสราเอล เป็นศิลารากฐานของนครเยรูซาเล็มใหม่ สาวกทั้งสิบสองคน และศิษย์อื่นๆ มีส่วนร่วมพันธกิจของพระคริสตเจ้า พระอานุภาพของพระองค์ และชะตากรรมของพระองค์ด้วย โดยกิจการเหล่านี้ทั้งหมด พระคริสตเจ้าทรงเตรียมและก่อสร้างพระศาสนจักรของพระองค์
ลก 10:2-6 ข้าวที่จะเกี่ยว... มาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์: พระคริสตเจ้าทรงต้องการผู้ติดตามที่อุทิศชีวิตของตนเพื่อเผยแผ่ข่าวสารแห่งชื่นชมยินดี การเยียวยารักษาและความรอดพ้น แต่ละคนถูกเรียกให้มีส่วนร่วมในพันธกิจการประกาศพระวรสารของพระศาสนจักรอย่างสอดคล้องกับสถานะชีวิตของตน พระเจ้าทรงเรียกบางคนให้รับใช้พระศาสนจักรของพระองค์ด้วยชีวิตสงฆ์หรือผู้ถวายตน เครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับการดำเนินชีวิตตามกระแสเรียกเพื่อพระอาณาจักรพระเจ้าก็คือการภาวนา สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด: สิ่งคล้ายศีลของพระศาสนจักรนั้นรวมไปถึงการอวยพรบุคคล หรือสิ่งของ เช่น บ้าน ยานพาหนะ รูปศักดิ์สิทธิ์ เหรียญ และสายประคำ
CCC ข้อ 1668 พระศาสนจักรจัดตั้งสิ่งคล้ายศีลเพื่อบันดาลความศักดิ์สิทธิ์แก่ศาสนบริการ แก่รูปแบบชีวิต และสภาพแวดล้อมของชีวิตคริสตชนต่างๆ หลากหลายมาก รวมทั้งแก่ของใช้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ด้วย ตามข้อกำหนดด้านงานอภิบาลของบรรดาพระสังฆราช สิ่งคล้ายศีลเหล่านี้ยังอาจตอบสนองความต้องการ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของประชากรคริสตชนเฉพาะของท้องที่และช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง สิ่งคล้ายศีลย่อมประกอบเสมอด้วยบทภาวนาซึ่งบ่อยๆ ควบคู่กับเครื่องหมายชัดเจน เช่น การปกมือ เครื่องหมายกางเขน การพรมน้ำเสก (ซึ่งชวนให้ระลึกถึงศีลล้างบาป)
CCC ข้อ 2611 การอธิษฐานภาวนาด้วยความเชื่อไม่ได้ประกอบด้วยเพียงการกล่าวว่า “พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า” แต่อยู่ในใจที่พร้อมที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญบรรดาศิษย์ให้สนใจร่วมแผนงานกับพระเจ้าในการอธิษฐานภาวนาด้วย
ลก 10:7 คนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน: พระบัญญัติประการที่ห้าของพระศาสนจักรกำหนดว่า บรรดาสัตบุรุษมีหน้าที่บำรุงศาสนบริกรของพวกเขาตามความสามารถ
CCC ข้อ 2043 บทบัญญัติประการที่สี่ (“จงอดอาหารและอดเนื้อในวันที่กำหนด”) กำหนดเวลาการสละตนเองและปฏิบัติกิจชดเชยบาปช่วยเราให้เตรียมวันฉลองทางพิธีกรรมและฝึกฝนให้รู้จักควบคุมตนเองและมีอิสระทางจิตใจ บทบัญญัติประการที่ห้า (“จงบำรุงพระศาสนจักรตามความสามารถ”) ประกาศว่าบรรดาผู้มีความเชื่อแต่ละคนยังมีหน้าที่ต้องช่วยเหลือความจำเป็นด้านวัตถุของพระศาสนจักรตามความสามารถของตน
CCC ข้อ 2122 “ศาสนบริกรไม่อาจเรียกร้องอะไรได้สำหรับการประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ นอกจากของถวายที่ผู้มีอำนาจปกครองกำหนดไว้ ต้องระวังเสมออย่าให้คนยากจนไม่ได้รับความช่วยเหลือของศีลศักดิ์สิทธิ์เพราะความยากจน” ผู้มีอำนาจปกครองที่เกี่ยวข้องย่อมกำหนด “ของถวาย” นี้โดยอาศัยหลักการที่ว่าประชากรคริสตชนต้องช่วยเหลือศาสนบริกรของพระศาสนจักร “คนงานย่อมมีสิทธิ์ได้รับอาหารของตน” (มธ 10:10)
ลก 10:12-15 เมืองโซดม... เมืองโคราซิน... เมืองเบธไซดา... เมืองไทระ... และเมืองไซดอน... เมืองคาเปอร์นาอุม: ทั้งเมืองโซดมและเมืองโกโมราต่างถูกพระเจ้าทำลายเพราะการละเลยอย่างร้ายแรงต่อกฎหมายด้านศีลธรรม ทั้งเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดาตั้งอยู่ในแถบกาลิลีซึ่งไม่ยอมรับพระคริสตเจ้า และเบธไซดาก็เป็นเมืองบ้านเกิดของเปโตร ยอห์น และอันดรูว์ เมืองไทระและเมืองไซดอนเป็นเมืองต่างศาสนาทางเหนือซึ่งยังไม่ได้รับการประกาศพระวรสาร ส่วนเมืองคาเปอร์นาอุมเป็นเมืองที่พระคริสตเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองหลายคนที่นั่นก็ปฏิเสธพระองค์ ถึงแม้ว่าได้ยินข่าวสารและได้เห็นอัศจรรย์ของพระองค์ก็ตาม
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)