ข้อคิดข้อรำพึง
สมโภชพระตรีเอกภาพ ปี B
พระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ : สัญลักษณ์แห่งสัมพันธภาพ (A Symbol of Relationship)
คุณพ่อ เจมส์ กิลฮูลีย์ (Fr. James Gilhooley) เล่าเรื่องให้ฟังว่า ในวันที่พระอัครสังฆราชจะโปรดศีลกำลัง ท่านได้ถามเด็กๆ ถึงคำจำกัดความของพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ว่าคืออะไร เด็กหญิงคนหนึ่งตอบด้วยเสียงเบาๆว่า "พระตรีเอกภาพก็คือพระเจ้าหนึ่งเดียว แต่มีสามพระบุคคล" พระอัครสังฆราชได้ยินไม่ชัด เพราะท่านหูตึงจึงพูดว่า "ฉันไม่เข้าใจว่าหนูพูดอะไร" นักเทววิทยาน้อยที่อยู่ต่อหน้าพระอัครสังฆราชจึงตอบกลับไปว่า "พระคุณเจ้าก็ไม่ควรจะเข้าใจค่ะ เพราะพระตรีเอกภาพเป็นพระธรรมล้ำลึก"
โลกของเราเต็มไปด้วยความลึกลับต่างๆ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ (Albert Einstein) ยังกล่าวว่า "สิ่งที่น่าพิศวงที่สุดในโลกก็คือความลึกลับนี่แหละ" และ "ชีวิตของเราก็คือร่องรอยจางๆบนพื้นผิวของความลึกลับ" (Annie Dillard) เราอาศัยอยู่กับความลึกลับอย่างสะดวกสบาย บรรดานักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าระบบจักรวาลมีความลึกลับถึง 90% ใครบ้างที่เข้าใจตัวของเราเองได้ทะลุปรุโปร่ง เรากำลังพยายามจะอธิบายว่าน้ำจากใต้แผ่นดินไหลผ่านลำต้นของต้นไม้และหาทางไปยังเหล่าใบไม้ได้อย่างไร สิ่งที่ Isaac Newton ได้แสดงความคิดเห็นว่าเป็นจริงตั้งแต่ ศตวรรษที่ 18 ก็เป็นจริงในศตวรรษที่ 21 ด้วยว่า "สิ่งที่เรารู้คือหยดน้ำหยดหนึ่ง สิ่งที่เราไม่รู้คือมหาสมุทร" Robert H. Schuller ก็กล่าวว่า "แม้คนโง่ก็สามารถนับเมล็ดในแอปเปิลลูกหนึ่งได้ แต่มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถนับแอปเปิลทั้งหมดที่มาจากเมล็ดเดียวได้"
ผู้ชำนาญการทางศาสนาบอกเราว่า ประชาชนพยายามจะเป็นเหมือนพระเจ้าที่พวกเขากราบไหว้เสมอ คนที่กราบไหว้พระแห่งการทำสงครามก็มีแนวโน้มจะเป็นนักรบ คนที่กราบไหว้พระเจ้าแห่งความพึงพอใจก็มีแนวโน้มจะแสวงหาความสุขเพลิดเพลิน คนที่กราบไหว้พระเจ้าแห่งความโกรธก็มีแนวโน้มเป็นคนที่มีแต่ความโกรธ ฯลฯ ดังเช่นคำที่ว่า "พระเจ้าทรงเป็นอย่างไร ผู้กราบไหว้ก็เป็นอย่างนั้น" ( "Like a God, like the worshipers" ) ดังนั้นคำถามสำคัญที่เราควรถามตัวเองในวันนี้คือ ข้อคำสอนเรื่องพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์สอนเราว่าพระเจ้าที่เรากราบไหว้บูชาเป็นพระเจ้าแบบไหน เพราะนี่จะเป็นการบอกว่าเราเป็นคนชนิดไหน นอกจากนี้ยังมีอีกสองประการที่อยากจะนำมาแบ่งปันกัน กล่าวคือ
ประการแรก พระเจ้ามิได้ทรงเป็นอยู่ในแบบปัจเจกบุคคลที่โดดเดี่ยว แต่ในแบบสมาคมแห่งสัมพันธภาพ หรืออาจกล่าวได้ว่า พระเจ้ามิใช่เป็นผู้โดดเดี่ยวหรือผู้ถือสันโดษ นี่หมายความว่าคริสตชนที่แสวงหาพระเจ้าผู้ทรงความดีอย่างสมบูรณ์ (เทียบ มธ 5:48) จะต้องตั้งใจหลีกเลี่ยงแนวโน้มที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว และที่มีแต่ความเป็นปัจเจกบุคคล คือไม่ใช่แสวงหาความศักดิ์สิทธิ์โดยการปลีกวิเวกไม่ติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นๆ และสังคมเลย
ประการที่สอง ความรักที่แท้เรียกร้องให้มีผู้ร่วมส่วนทั้งสาม ความคิดของนักบุญออกัสตินเกี่ยวกับเรื่องพระตรีเอกภาพเป็นแบบบทกวีแห่งความรัก พระบิดาคือผู้ให้ความรัก พระบุตรคือผู้ได้รับความรัก และพระจิตคือความรักของทั้งสองที่มีต่อกัน
เราแต่ละคนจะมีความเป็นมนุษย์เต็มที่ต่อเมื่อเราอยู่ในสัมพันธภาพกับพระเจ้า และในสัมพันธภาพกับเพื่อนพี่น้อง เราคงค้นพบแล้วว่าหลักการที่มีเพียงตัวฉันกับพระเจ้านั้นนำไปเทศน์สอนและปฏิบัติไม่ได้ผล (The I - and - God principle preached and practised by many leaves much to be desired.) ข้อคำสอนเรื่องพระตรีเอกภาพท้าทายเราให้นำหลักการ "ฉัน-กับ-พระ-กับ-เพื่อนบ้าน" (I-and-God-and-neighbour principle) มาประยุกต์ใช้มากกว่า นั่นคือ ฉันเป็นคริสตชนคนหนึ่ง ตราบเท่าที่ฉันเจริญชีวิตในสัมพันธ์รักกับพระและกับคนอื่นๆ
"ใครก็ตามที่ไม่สามารถจะพิศวงอีกต่อไป หรือไม่สามารถจะอัศจรรย์ใจอีก ก็เท่ากับคนที่ตายไปแล้ว" (Einstein) ขอพระหรรษทานของพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์โปรดทรงช่วยเราให้ลบทุกร่องรอยแห่งความเห็นแก่ตัวออกไปจากชีวิตของเรา และโปรดทรงช่วยเราให้ดำเนินชีวิตในความรักต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนพี่น้องเทอญ
(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เขียนเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2018
Based on : The Table of the Word, Homilies for Sundays and Solemnities, Cycles A, B & C ; by Fr. John Pichappilly)