แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข้อคิดข้อรำพึง

สมโภชพระจิตเจ้า ปี B

พระจิตเจ้าสถิตภายในเรา (The Spirit Within Us)

Pentecost 6

 ในวันสมโภชปัสกาครั้งหนึ่ง  ครอบครัวหนึ่งที่นานๆจะไปวัดได้ตัดสินใจจะไปวัด  เมื่อจบมิสซาสมโภชแล้ว  ผู้เป็นแม่ได้พูดขึ้นว่า "ฉันคิดว่าคณะนักขับร้องเพลงผิดคีย์ไปนิดๆนะ"  ผู้เป็นพ่อก็พูดต่อว่า "ฉันว่าเนื้อหาบทเทศน์ก็จืดชืดน่าเบื่อหน่ายด้วย"  ลูกชายอายุ 9 ขวบจึงพูดขึ้นบ้าง "ผมคิดว่าทุกอย่างค่อนข้างดีแล้ว  เหมาะสมกับเงินทำบุญที่พ่อแม่ใส่ลงไปในถาดเก็บเงินครับ"

 

 เราทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเวลาที่ได้รับศีลล้างบาปและรับศีลกำลัง  พระพรต่างๆของพระจิตช่างน่าพิศวงนัก  ลองทบทวนดูนะครับ  คือทำให้เราได้รับ "จิตแห่งความปรีชาฉลาด และสติปัญญา  พระจิตเป็นที่ปรึกษา และความกล้าหาญ  พระจิตแห่งความรู้ และความศรัทธา  ประการสุดท้ายคือ พระจิตแห่งความเคารพยำเกรงพระเจ้า" (คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 1303)  เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะใช้พระพรของพระจิตเหล่านี้  ดังที่ Fr. Daniel  Durken ได้กล่าวไว้ว่า  พระจิตเจ้าจะเสด็จมาเพื่อขจัดหรือขับไล่ A, B, C, D's ออกไปจากชีวิตของเรา [A = Apathy ความไม่แยแส, B = Boredom ความเบื่อหน่าย, C = Coldness ความเย็นชา, D = Dullness ความขุ่นมัว etc.,  ถ้าเป็นพยัญชนะไทยก็เป็นว่า  ขอเชิญพระจิตเจ้าเสด็จมาเพื่อขจัดหรือขับไล่  ก  ข  ค  ง...  ออกไปจากชีวิตของเรา  ก = (ความ)เกลียดชัง  ข = ขุ่นข้องหมองใจ  ค = คลุ้มคลั่ง  ง = งี่เง่างุนงง  ฯลฯ  - ผู้แปล]

 เมื่อนักบุญเปาโลได้ไปเยี่ยมพระศาสนจักรที่เมืองเอเฟซัส  ท่านได้สังเกตว่าบรรดาศิษย์บางคนขาดจิตตารมณ์และความกระตือรือร้นในการประกาศศาสนา  จึงถามพวกเขาตรงๆว่า  "เมื่อท่านทั้งหลายมีความเชื่อนั้น  ท่านได้รับพระจิตเจ้าหรือไม่"  พวกเขาตอบว่า  "พวกเราไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไปว่า มีพระจิตเจ้า"  นักบุญเปาโลจึงให้พวกเขาได้รับศีลล้างบาปเดชะพระนามของพระเยซูเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และปกมือเหนือเขา  พระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาประทับอยู่ด้วย  เขาจึงพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ  และกล่าวคำทำนาย  คนกลุ่มนี้มีประมาณสิบสองคน (เทียบ กจ 19 : 2-7)  ถ้าเราจะตั้งคำถามว่าทำไมบรรดาอัครสาวกแค่ 12 องค์ก็สามารถนำพาผู้คนมากมายให้มารับนับถือพระอาจารย์เจ้าได้ในสมัยนั้น  ในขณะที่คริสตชนจำนวนเป็นพันล้านคนในปัจจุบันไม่สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เก่งกาจกล้าหาญแบบเดียวกันนั้นได้ในสมัยนี้ คำตอบอยู่ที่  บรรดาอัครสาวกได้ใช้พระพรทุกประการของพระจิตอย่างเต็มที่  ในขณะที่พวกเราไม่ได้ทำดังนั้น

Pentecost 5

 พระพรนานัปการของพระจิตทำงานในชีวิตธรรมดาๆของพวกเราภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ธรรมดา  ด้วยความช่วยเหลือจากพระจิตเจ้าประชาชนจะทำให้บังเกิดผลในขีดขั้นใหม่ๆ  ที่เราไม่คิดว่าจะเป็นไปได้  ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์  ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส  มีผู้มาแจ้งข่าวให้มหาธิการิณีของอารามคาร์เมไลท์แห่งหนึ่งทราบว่า  ในวันรุ่งขึ้นบรรดาซิสเตอร์ทั้งหมดในอารามจะถูกประหารด้วยเครื่อง กีโยตีน (guillotine) คุณแม่อธิการจึงบอกบรรดาซิสเตอร์ว่าประตูอารามจะเปิดเสมอสำหรับคนที่ต้องการจะหนีไป  มีเพียงซิสเตอร์คนเดียวที่หนีไป  วันรุ่งขึ้น บรรดาซิสเตอร์ที่เหลือทั้งหมดถูกนำไปที่เครื่องประหาร  ในขณะที่พวกซิสเตอร์กำลังจะวางศีรษะบนบล็อคของแท่นประหาร  ทันใดนั้นพวกเขาต่างก็ภาคภูมิใจที่ได้สังเกตเห็นซิสเตอร์คนที่หนีไปก้าวออกมาจากฝูงชนที่มาดูการประหาร  และเข้ามารับการประหารพร้อมกับซิสเตอร์ทั้งหลาย  อะไรที่นำเธอกลับมาหรือครับ  คือพระพรแห่งความกล้าหาญจากพระจิตเจ้านั่นเอง

 

 อีกตัวอย่างหนึ่งคือคนขอทานชราคนหนึ่งใกล้จะตายแล้ว  คำพูดสุดท้ายที่เขาบอกกับลูกชายคนเล็กที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาตลอดมาว่า "ลูกรัก พ่อไม่มีสมบัติอะไรให้ลูกนอกจากถุงผ้า  และขันเก่าๆสกปรกใบหนึ่งที่พ่อเก็บมาจากสนามหญ้าของเศรษฐีนีคนหนึ่งตั้งแต่พ่อยังหนุ่มๆอยู่"  หลังจากผู้เป็นพ่อตายแล้ว ลูกชายคนนั้นก็ยึดอาชีพขอทานต่อไป  โดยใช้ขันเก่าที่พ่อมอบไว้ให้มาใส่เงินที่คนให้ทาน  วันหนึ่งมีพ่อค้าทองทำทานด้วยการโยนเหรียญลงไปในขัน  เขาต้องแปลกใจมากที่ได้ยินเสียงเหรียญที่กระทบขันดังกังวาน  และเป็นเสียงที่คุ้นเคย  จึงบอกเด็กหนุ่มว่า  "ขอดูขันใบนี้หน่อย"  เมื่อเช็คดูแล้ว เขาแปลกใจมาก  บอกเด็กหนุ่มว่า  "เด็กน้อยเอ๋ย  เจ้ารวยแล้ว  ไม่ต้องมาขอทานแล้ว  เพราะขันใบนี้เป็นทองแท้ๆ  ซึ่งมีค่าอย่างน้อยสามหมื่นดอลล่าร์ทีเดียว"

 

 พวกเราคริสตชนอาจจะเป็นแบบขอทานคนนั้นที่ไม่ตระหนักรู้และซาบซึ้งถึงคุณค่าของขันใบนั้น  เราพลาดที่จะเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงคุณค่าไม่มีที่สิ้นสุดของพระจิตเจ้าผู้สถิตภายในเราแต่ละคน  ผู้ทรงแบ่งปันพระพร ผลิตผล และความสามารถพิเศษต่างๆให้กับพวกเรา  ดังนั้นในวันสมโภชนี้จึงขอเชิญให้ชาวเราเข้ามาสู่ประสบการณ์และตระหนักรู้อย่างซาบซึ้งในการประทับของพระจิตเจ้าภายในเรา  ที่จะเปลี่ยนแปลงเรา  ที่จะเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์  และทำให้เรามีความเข้มแข็ง  และนี่ควรเป็นวันที่เรารื้อฟื้นคำสัญญาของเราที่ให้ไว้เมื่อรับศีลล้างบาป  และศีลกำลัง  ว่าจะประกาศความเชื่อ  และปฏิบัติตามความเชื่อนั้น

 

 นโปเลียน  โบนาปาร์ต (Napoleon  Bonaparte) เคยกล่าวว่า "มีกองกำลังสองชนิดในโลกนี้  คือกองกำลังทหารติดอาวุธ  กับกองกำลังทางฝ่ายจิต  แต่กองกำลังทางฝ่ายจิตมีความเข้มแข็งกว่า"  ถ้าเป็นเช่นนี้ ทำไมเราจึงไม่พิสูจน์ด้วยชีวิตของเราเองเล่า

 

(คุณพ่อวิชา  หิรัญญการ  เขียนเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2018

Based on : Ignite Your Spirit, by Fr. John  Pichappilly)

Pentecost 4Pentecost 3Pentecost 2Pentecost 1