วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 15:1-8)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่น ที่แท้จริง และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้งเสีย กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว เพราะวาจาที่เราได้กล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งก้านองุ่นย่อมไม่สามารถเกิดผลได้ด้วยตนเอง ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าไม่มีเรา ท่านก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้าน และจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟ เผาเสีย ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่านแล้ว ท่านอยากได้อะไร ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา
ยน 15:1-8 ภาพเปรียบเทียบเรื่องต้นองุ่นและเถาองุ่นนั้นมีรากลึกอยู่ในพันธสัญญาเดิม (เทียบ อสย 5:1-7) แสดงถึงคำสอนของพระคริสตเจ้าเกี่ยวกับการเป็นศิษย์ที่มีประสิทธิภาพ การเกิดผลในแง่ของการขยายพระอาณาจักรของพระเจ้า กล่าวคือการทำให้ผู้คนกลับใจและมุ่งมั่นที่จะดำรงชีวิตคริสตชนนั้น เรียกร้องให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระคริสตเจ้าโดยทางศีลมหาสนิท (ต้นองุ่น) และพระวาจาของพระเจ้า เพื่อให้เกิดผล กิ่งก้านจะต้องติดกับลำต้นองุ่นซึ่งทำให้ได้รับชีวิตและการบำรุงเลี้ยง แต่ถ้ากิ่งก้านหลุดจากลำต้นองุ่นแล้ว มันไม่เพียงแต่จะไม่เกิดผลเท่านั้น แต่จะเหี่ยวเฉาและตายไป ในทำนองเดียวกัน การเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้าหมายถึงการอยู่ติดกับพระคริสตเจ้า เพื่อให้เราได้รับชีวิตและการบำรุงเลี้ยงจากพระองค์ พระองค์จะดำรงอยู่ในเราและเราจะอยู่ในพระองค์ ในพระคริสตเจ้าเราก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย หนังสือคำสอนพระศาสนจักรฯ ได้บอกลักษณะของจิตเจ้าว่าเป็น "ท่อน้ำเลี้ยงเถาองุ่นของพระบิดา" ที่ช่วยนำเราเข้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าและทำให้บังเกิดผล
CCC ข้อ 755 “พระศาสนจักรเป็น พื้นที่การกสิกรรม หรือ ทุ่งนาของพระเจ้า ในทุ่งนานี้มีต้นมะกอกเทศโบราณต้นหนึ่งขึ้นอยู่ รากของมันคือบรรดาบรรพบุรุษ ในต้นไม้ต้นนี้ได้มีและจะมีการคืนดีกันระหว่างชนชาติยิวกับชนต่างชาติ พระเจ้าผู้ทรงเป็นเหมือนกสิกรจากสวรรค์ทรงปลูกพระศาสนจักรไว้เป็นเสมือนสวนองุ่นงดงาม พระคริสตเจ้าทรงเป็นเถาองุ่นแท้จริง พระองค์ประทานชีวิตและความอุดมสมบูรณ์แก่บรรดาเถาองุ่น ซึ่งได้แก่เราทุกคนที่คงอยู่ในพระองค์โดยทางพระศาสนจักร และถ้าไม่มีพระองค์แล้ว เราก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย
CCC ข้อ 859 พระเยซูเจ้าทรงรับเขาเหล่านี้ให้มาร่วมพันธกิจที่ทรงได้รับมาจากพระบิดา เช่นเดียวกับที่ “พระบุตรไม่อาจทำสิ่งใดตามใจของตน” (ยน 5:19,30) แต่รับทุกสิ่งจากพระบิดาผู้ทรงส่งพระบุตรมาฉันใด ผู้ที่พระเยซูเจ้าทรงส่งไปก็ไม่อาจทำอะไรโดยไม่มีพระองค์ ที่ประทานอำนาจให้เขาปฏิบัติพันธกิจที่ทรงมอบให้เขาทำได้ฉันนั้น ดังนั้น บรรดาอัครสาวกของพระคริสตเจ้าจึงรู้ว่าพระเจ้าทรงทำให้ตนเป็น “ผู้รับใช้พันธสัญญาใหม่” (2 คร 3:6) เป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” (2 คร 6:4) “เป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า” (2 คร 5:20) “เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผู้จัดการดูแลธรรมล้ำลึกของพระเจ้า” (1 คร 4:1) ได้อย่างเหมาะสม
CCC ข้อ 864 “เนื่องจากพระคริสตเจ้าที่พระบิดาทรงส่งมาเป็นบ่อเกิดและต้นกำเนิดของงานธรรมทูตทั้งหมดของพระศาสนจักร จึงเห็นได้ชัดว่าความสำเร็จของงานธรรมทูต” ทั้งของบรรดาศาสนบริกรที่ได้รับศีลบวชและของบรรดาฆราวาส “ล้วนขึ้นกับการที่เขามีชีวิตสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า” งานธรรมทูตเยี่ยงบรรดาอัครสาวกมีรูปแบบหลายหลากมากตามกระแสเรียก ตามความต้องการของกาลเวลา ตามพระพรต่างๆ ของพระจิตเจ้า แต่ความรัก โดยเฉพาะความรักที่ตักตวงมาจาก ศีลมหาสนิท “เป็นดังวิญญาณของงานธรรมทูตทั้งมวล” เสมอ
CCC ข้อ 1108 จุดหมายพันธกิจของพระจิตเจ้าในการประกอบพิธีกรรมทุกอย่างก็คือเพื่อให้เรามีความสนิทสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าเพื่อเสริมสร้างพระวรกายทิพย์ของพระองค์ พระจิตเจ้าทรงเป็นเสมือนน้ำเลี้ยงเถาองุ่นของพระบิดาที่ทำให้เกิดผลบนเถาองุ่นเหล่านั้น การร่วมงานอย่างใกล้ชิดของพระจิตเจ้าและพระศาสนจักรเป็นความจริงขึ้นในพิธีกรรม พระจิตเจ้า พระจิตแห่งความสนิทสัมพันธ์ ประทับอยู่ในพระศาสนจักรโดยไม่เสื่อมคลาย และเพราะเหตุนี้พระศาสนจักรจึงเป็นเครื่องหมายและเครื่องมือยิ่งใหญ่ของความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าที่รวบรวมบรรดาบุตรที่กระจัดกระจายของพระเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน ผลของพระจิตเจ้าในพิธีกรรมก็คือความสนิทสัมพันธ์อย่างแยกไม่ได้กับพระตรีเอกภาพและความสนิทสัมพันธ์กันฉันพี่น้อง
CCC ข้อ 1988 เดชะพระอานุภาพของพระจิตเจ้า เรามีส่วนร่วมพระทรมานของพระคริสตเจ้า ตายจากบาป และมีส่วนร่วมการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ บังเกิดมีชีวิตใหม่ เราเป็นส่วนพระวรกายของพระองค์ซึ่งได้แก่พระศาสนจักร เป็นเสมือนกิ่งองุ่นที่ติดอยู่กับเถาองุ่น คือพระองค์นั่นเอง
“เดชะพระจิตเจ้า เราได้ชื่อว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมพระธรรมชาติกับพระเจ้า […] อาศัยการมีส่วนร่วมกับพระจิตเจ้า เราก็มีส่วนร่วมพระธรรมชาติพระเจ้า […] ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด ผู้ที่พระจิตเจ้าประทับอยู่ด้วย ก็มีพระธรรมชาติของพระเจ้า”
ยน 15:3 การได้ยินพระวาจาของพระเจ้าด้วยความปรารถนาที่จะรู้และดำเนินชีวิตตามความจริงจะช่วยชำระผู้ฟังให้บริสุทธิ์
CCC ข้อ 517 พระชนมชีพทั้งหมดของพระคริสตเจ้าเป็นพระธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่กู้ การไถ่กู้มาถึงเราโดยเฉพาะโดยทางพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขน แต่พระธรรมล้ำลึกนี้ทำงานอยู่ตลอดพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า นับตั้งแต่การที่ทรงรับสภาพเป็นมนุษย์ ที่ทรงยอมกลายเป็นคนยากจนเพื่อเราจะได้ร่ำรวยเพราะความยากจนของพระองค์ ในพระชนมชีพซ่อนเร้น พระองค์ทรงยอมเชื่อฟัง เพื่อชดเชยความไม่เชื่อฟังของเรา ในพระวาจาที่ชำระเราผู้ฟังให้สะอาด ในการที่ทรงรักษาคนเจ็บป่วยและขับไล่ปีศาจที่ “พระองค์ทรงรับเอาความอ่อนแอของเราไว้ และทรงแบกความเจ็บป่วยของเรา” (มธ 8:17) ในการทรงกลับคืนพระชนมชีพที่ทรงทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม
ยน 15:5 เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่จะมอบหมายให้บรรดาอัครสาวกไปประกาศพระวรสาร ได้มีการกระตุ้นเตือนอย่างจริงจังให้มีความพยายามที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าอย่างใกล้ชิด ความสำเร็จของงานเผยแผ่พระวรสารของพระศาสนจักรขึ้นอยู่กับชีวิตฝ่ายจิตของผู้ประกาศข่าวดี นี่จึงเป็นเหตุผลที่บรรดานักบุญได้เป็นผู้ส่งเสริมที่ดีที่สุดของพระวรสาร ถ้าไม่มีเรา ท่านก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย : กิ่งก้านจะไม่สามารถเติบโตได้ถ้าแยกออกจากลำต้นองุ่น เราจะสามารถเกิดผลได้ก็ต่อเมื่อบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัว ทำกิจการดี และปฏิบัติพระบัญญัติด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า พระคริสตเจ้าคือต้นธารของงานของพระศาสนจักร ทั้งในงานศาสนบริการของบรรดาศาสนบริกรที่ได้รับการบวช และในงานแพร่ธรรมของบรรดาฆราวาส เมื่อพวกเขาพยายามนำแสงสว่างของพระคริสตเจ้าไปยังครอบครัวและมิตรภาพของพวกเขา เป็นความรักของพระคริสตเจ้าที่อยู่ในบรรดาศิษย์ของพระองค์นี้เองซึ่งกระจายไปสู่หัวใจของผู้อื่น
CCC ข้อ 308 ความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงทำงานในการงานทุกอย่างของสิ่งสร้างของพระองค์นี้ แยกไม่ออกจากความเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงเนรมิตสร้าง พระองค์ทรงเป็นสาเหตุปฐมภูมิ (causa prima – primary cause) และทรงปฏิบัติงานในและอาศัยสาเหตุทุติยภูมิ (causae secundae – secondary causes) “พระเจ้าทรงทำงานในท่าน เพื่อให้ท่านมีทั้งความปรารถนาและความสามารถที่จะทำงานตามพระประสงค์” (ฟป 2:13) ความจริงข้อนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ศักดิ์ศรีของสิ่งสร้างลดลง แต่ยังทำให้ศักดิ์ศรีนี้เพิ่มขึ้น สิ่งสร้างที่เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าโดยพระอานุภาพพระปรีชา และพระทัยดีของพระเจ้านั้น ไม่อาจทำอะไรได้ถ้าถูกตัดขาดจากพระเจ้า “เพราะสิ่งสร้างย่อมสูญหายไปถ้าไม่มีพระผู้สร้าง” ยิ่งกว่านั้นสิ่งสร้างเหล่านี้ไม่อาจบรรลุถึงจุดหมายสุดท้ายของตนได้ถ้าไม่มีพระหรรษทานคอยช่วยเหลือ
CCC ข้อ 737 พันธกิจของพระคริสตเจ้าและของพระจิตเจ้าสำเร็จสมบูรณ์ในพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าและพระวิหารของพระจิตเจ้า พันธกิจร่วมกัน(ของพระคริสตเจ้าและพระจิตเจ้า)นี้จึงรวมบรรดาผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าเข้ามาร่วมความสัมพันธ์ของพระองค์กับพระบิดาและพระจิตเจ้า พระจิตเจ้าทรงเตรียมมนุษย์ ประทานพระหรรษทานของพระองค์เพื่อนำเขาเข้ามาหาพระคริสตเจ้า พระจิตเจ้าทรงสำแดงให้เขาพบองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ทรงช่วยให้เขาระลึกถึงพระวาจาของพระคริสตเจ้าและเปิดใจของเขาให้เข้าใจการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ พระจิตเจ้าทรงสอนให้เขาเข้าใจพระธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า โดยเฉพาะในศีลมหาสนิท เพื่อช่วยให้เขาคืนดีและมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเพื่อทำให้ “เกิดผลมาก”
CCC ข้อ 787 ตั้งแต่เริ่มแรก พระเยซูเจ้าทรงเรียกบรรดาศิษย์ให้มาอยู่กับพระองค์ ทรงเปิดเผยพระธรรมล้ำลึกเรื่องพระอาณาจักรแก่เขา ทรงทำให้เขามีส่วนร่วมพันธกิจและความยินดี และร่วมพระทรมานกับพระองค์ พระเยซูเจ้ายังตรัสถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านี้ระหว่างพระองค์กับผู้ที่ติดตามพระองค์ว่า “จงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน […] เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน” (ยน 15:4-5) และยังตรัสถึงความสัมพันธ์ล้ำลึกแท้จริงระหว่าง พระกายของพระองค์กับของเราด้วย “ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเรา ก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา” (ยน 6:56)
CCC ข้อ 2074 พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย” (ยน 15:5) ผลที่พระวาจานี้กล่าวถึงก็คือความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตที่เกิดจากความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า เมื่อเราเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า ร่วมสัมพันธ์กับพระธรรมล้ำลึกของพระองค์และปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ พระองค์พระผู้ไถ่ก็เสด็จมาพบพระบิดาและพี่น้องของพระองค์ มารักพระบิดาและพี่น้องของเราในตัวเรา เดชะพระจิตเจ้า พระบุคคลของพระองค์กลับเป็นกฎปฏิบัติที่มีชีวิตชีวาในตัวเรา “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน 15:12)
CCC ข้อ 2732 การผจญที่เกิดขึ้นบ่อยมากๆ และสังเกตเห็นได้ยากก็คือการขาดความเชื่อของเรา เรื่องนี้ปรากฏให้เห็นในการที่เราไปชอบบางสิ่งบางอย่างมากกว่าการแสดงความไม่เชื่อ เมื่อเราเริ่มอธิษฐานภาวนา การงานและความสนใจต่างๆ นับไม่ถ้วนที่เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งเร่งด่วนย่อมแสดงตัวออกมาว่ามีความสำคัญเป็นอันดับแรก แล้วเราก็จะถามใจเราว่าจะต้องให้ความเอาใจใส่ต่อเรื่องนี้ก่อนหรือเปล่า บางครั้งเรากลับไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่งสุดท้าย แต่เราเชื่อเช่นนั้นจริงๆ เชียวหรือบางครั้งเรายอมรับว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมพันธกิจกับเรา แต่หัวใจของเราก็ยังมีความหยิ่งจองหองอยู่ในทุกกรณี การขาดความเชื่อของเราแสดงให้เห็นว่าเรายังไม่มีใจสุภาพถ่อมตนพอที่จะยอมรับว่า “ถ้าไม่มีเราแล้ว ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย” (ยน 15:5)
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)