แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันพุธ สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 3:16-21)    

  เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดรเพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้นผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือความสว่างเข้ามาในโลกนี้แล้ว แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย ทุกคนที่ทำความชั่วย่อมเกลียดความสว่างและไม่เข้าใกล้ความสว่าง เกรงว่าการกระทำของตนจะปรากฏชัดแจ้งแต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริง ย่อมเข้าใกล้ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นได้ทำโดยพึ่งพระเจ้า”


ยน 3:16-21  การส่งพระบุตรแต่เพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า เพื่อไถ่บาปของเราและมอบชีวิตนิรันดรให้แก่เรา คือการกระทำยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งความรักของพระเจ้าต่อเรา ความจริงแล้ว พระเจ้าพระบิดาทรงมอบพระคริสตเจ้าผู้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ก็ เพื่อเปิดเผยความรักที่ยิ่งใหญ่มหาศาลของพระองค์แก่เรา ผู้ใดที่ปฏิเสธของประทานแห่งความรักของพระคริสตเจ้าและการไถ่กู้นี้ เขาก็ตัดตนเองออกจากชีวิตนิรันดร แต่ผู้ใดที่เลือกดำเนินชีวิตในแสงสว่างของพระคริสตเจ้าจะได้รับความสุขทั้งในชีวิตนี้และในชีวิตนิรันดรที่กำลังจะมาถึง 

  CCC ข้อ 219 ความรักของพระเจ้าต่ออิสราเอลเปรียบได้กับความรักของบิดาต่อบุตรของตน” ความรักนี้ทรงพลังมากกว่าความรักของมารดาต่อบุตรของตน พระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์มากกว่าเจ้าบ่าวรักเจ้าสาวของตน ความรักนี้จะพิชิตกระทั่งความไม่ซื่อสัตย์ที่เลวร้ายที่สุดด้วยความรักนี้จะขยายไปจนถึงการให้ของประทานประเสริฐที่สุด “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์” (ยน 3:16)

  CCC ข้อ 444 พระวรสารเล่าว่าในโอกาสสำคัญสองครั้ง คือเมื่อพระคริสตเจ้าทรงรับพิธีล้างและทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ พระบิดาทรงเปล่งพระสุรเสียงประกาศว่าพระคริสตเจ้าทรงเป็น“บุตรสุดที่รัก" ของพระองค์ พระเยซูเจ้ายังตรัสถึงพระองค์เองว่าทรงเป็น “พระบุตรเพียงพระองค์เดียว” ของพระเจ้า (ยน 3:16) และทรงใช้ตำแหน่งนี้ยืนยันว่าทรงดำรงอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่นิรันดรทรงเรียกร้องให้ทุกคนมีความเชื่อ “ในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า”(ยน 3:18) การประกาศความเชื่อของคริสตชนเช่นนี้ปรากฏแล้วเมื่อนายร้อยโรมันประกาศเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนว่า “ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าแน่ที่เดียว”(มก 15:39) ในพระธรรมล้ำลึกปัสกาเท่านั้น ผู้มีความเชื่อจึงอาจให้ความหมายของตำแหน่ง “พระบุตรของพระเจ้า” ได้อย่างสมบูรณ์

  CCC ข้อ 454 พระนาม “พระบุตรของพระเจ้า” หมายถึงความสัมพันธ์เฉพาะตั้งแต่นิรันดรของพระเยซู คริสตเจ้ากับพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระบิดาและพระองค์ก็ทรงเป็นพระเจ้าด้วย” ผู้ใดจะเป็นคริสตชนได้จำเป็นต้องเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า

  CCC ข้อ 458 พระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์ เพื่อเราจะได้รู้จักความรักของพระเจ้า “ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้คือ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น" (1 ยน 4:9) “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร” (ยน 3:16)

 (จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)