ข้อคิดข้อรำพึง
อาทิตย์ที่ 2 เทศกาลปัสกา ปี B
“พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกายแก่บรรดาศิษย์”
นักบุญ ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ได้สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2005 พระองค์ได้ทรงปกครองพระศาสนจักรคาทอลิกเกือบ 27 ปี พระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่ทรงรักการเดินทาง ทรงเฉียดความตายหลายครั้ง ในช่วงต้นสมณสมัยของพระองค์ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ (ปี ค.ศ. 1981) ทรงถูกพบว่าเป็นมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ในปี 1992 ทรงทนทุกข์จากอาการบาดเจ็บที่ไหล่และสะโพก ในปี 1992 และ 1993 ทรงได้รับการผ่าตัดไส้ติ่งปี 1996 และในปี 2001 พระองค์ต้องทรงทนทุกข์ทรมานจากโรคพาร์กินสัน ช่วงบั้นปลายพระชนม์ทรงได้รับความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด แต่พระองค์ทรงนำความเจ็บปวดของพระองค์หลอมให้เป็นหนึ่งเดียวกับของพระเยซูคริสตเจ้า และทรงอดทนด้วยความสงบ
วันหนึ่ง ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถามพระองค์ว่า “พระบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ โปรดอภัยในความบ้าบิ่นของผม พระองค์ก็อายุมากแล้ว พระหัตถ์ก็สั่นด้วยโรคพาร์กินสัน พระสุรเสียงก็แหบเบาจนแทบไม่ได้ยิน และการเดินก็ลำบาก พระองค์คงจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานมาก และก็ทรงงานไม่ได้เต็มที่ ทำไมพระองค์ไม่ทรงลาออกเพื่อพักผ่อน และเปิดทางให้คนอื่นๆ รับหน้าที่นี้แทน”
พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า “ถ้าพระเยซูเจ้าทรงลงจากกางเขนเมื่อไร ฉันก็จะลงจากหน้าที่ด้วย แต่เนื่องจากว่าพระองค์ยังทรงอยู่บนกางเขน และทรงรับความทรมาน ฉันก็จะยังรับผิดชอบในหน้าที่ต่อไป และรับความทรมานด้วย”
การทนรับความทุกข์ทรมานซึ่งพระองค์ทรงรับเพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระคริสตเจ้า และประชากรที่พระคริสตเจ้าทรงมอบไว้ให้พระองค์ ความทุกข์ทรมานของพระสันตะบิดรเป็นสิ่งเดียวกับความรักของพระองค์นั่นเอง
ในพระวรสารของวันนี้ เราได้ยินเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงบาดแผลของพระองค์ให้แก่บรรดาศิษย์ ทรงแสดงรอยแผลที่พระหัตถ์ และที่ด้านข้างพระวรกายซึ่งถูกตอกด้วยตะปู และถูกแทงด้วยหอก พระเยซูเจ้าแม้กลับคืนพระชนมชีพแล้ว ยังคงเก็บรักษารอยแผลไว้ อันที่จริงบัดนี้พระองค์ทรงมีพระกายทิพย์ จะลบรอยบาดแผลนี้ให้หายไปเลยก็ได้ แต่ยังทรงเก็บรักษาไว้เพราะ :
รอยแผลเหล่านี้แสดงถึงเอกลักษณ์ของพระองค์ คือ ศิษย์เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นพระองค์นั่นเองที่เทศนาข่าวดีอยู่ 3 ปี ที่ทรงถูกจับกุม ถูกทำทรมาน และถูกตรึงกางเขน บาดแผลของพระองค์เป็นความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างพระเยซูเจ้าก่อนสิ้นพระชนม์ และพระเยซูเจ้าหลังกลับฟื้นคืนพระชนม์แล้ว
รอยแผลเหล่านี้แสดงถึงความรักของพระองค์ พระเยซูเจ้าเคยตรัสว่า “นายชุมพาที่ดีต้องยอมสละชีวิตเพื่อฝูงแกะ” และสิ่งที่ทรงกระทำไป ไม่ใช่ทรงทำไปเพราะถูกบังคับ แต่ทรงทำไปเพราะความรัก รอยแผลเหล่านี้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระองค์ มันเป็นสิ่งเดียวกับความรักของพระองค์
โทมัสพลาดไปที่ไม่ได้อยู่กับบรรดาศิษย์คนอื่นๆ เมื่อพระองค์ทรงประจักษ์กับพวกเขาในครั้งแรก เพื่อแสดงให้เห็นถึงรอยแผลของพระองค์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักของพระองค์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมอบองค์เป็นยัญบูชาเพื่อชาวเรา เขาไม่เห็นและไม่เชื่อ เขาต้องการพิสูจน์ และการจะพิสูจน์เอกลักษณ์ของพระองค์ให้รู้แจ้งเห็นจริงก็ขึ้นอยู่กับรอยแผลของพระองค์ ถ้าไม่ได้เอานิ้วแยงลงไป ก็จะไม่เชื่อ
เขาต้องรอถึงหนึ่งสัปดาห์ เพราะครั้งแรกที่ทรงประจักษ์เป็นตอนค่ำของวันต้นสัปดาห์ ก็ต้องรอจนถึงวันต้นสัปดาห์อีกครั้งหนึ่ง เพราะนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารต้องการบอกเป็นนัยว่า หลังกลับฟื้นคืนพระชนมชีพแล้ว เราอยู่ในห้วงเวลาใหม่ วันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่ เราเป็นมนุษย์ใหม่ สิ่งสร้างใหม่ และโทมัสก็ได้เห็นรอยแผล บัดนี้เขาได้เชื่อแล้ว เขาประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” ท่านยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารต้องการให้ตอนนี้ซึ่งเป็นตอนจบพระวรสารประกาศอย่างสง่าว่า “ท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า” และตอนจบนี้ก็ไปตรงกับตอนเริ่มต้นพระวรสารของท่านอย่างตั้งใจว่า “เมื่อแรกเริ่มนั้นพระวจนาตถ์ทรงดำรงอยู่แล้ว…และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า”
พี่น้องเชื่อหรือยังครับว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า แม้ไม่ได้เห็นเหมือนโทมัส แต่ถือว่ามีบุญอย่างยิ่ง
( คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2012
Based on : John's Sunday Homilies, Cycle - B ; by John Rose )