บทรำพึงสั้นๆ
วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์
ระลึกถึงพระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท
น่าสนใจที่พระวรสารของวันนี้นำมาจากพระวรสารของนักบุญยอห์น ซึ่งไม่ได้เล่าเรื่องการตั้งศีลมหาสนิทโดยตรง เหมือนพระวรสารของอีกสามผู้นิพนธ์พระวรสาร แต่กลับเล่าเรื่องการที่พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาศิษย์ เป็นนักบุญยอห์นองค์เดียวที่เล่าเรื่องนี้ เราลองมาพิจารณาบางตอนจากพระวรสารของนักบุญยอห์นนะครับ
ตอนเริ่มของพระวรสารวันนี้ นักบุญยอห์นเริ่มต้นว่า “ก่อนวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” นี่เป็นรายละเอียดที่นักบุญยอห์นนำมาไว้ตรงเริ่มต้นก่อนที่จะเล่าถึงฉากที่พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้า ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งที่จะทำให้เข้าใจเรื่องทั้งหมดต่อไปว่าหมายความถึงอะไร นักบุญยอห์นเปรียบเหมือนจิตรกรที่เชี่ยวชาญ เพียงตวัดฝีแปรงสองสามครั้ง ก็ทำให้เห็นภาพที่สวยงามได้เลย เราลองมาดูคำขึ้นต้นบางคำของนักบุญยอห์นนะครับ
คำแรก ท่านพูดถึง “วันฉลองปัสกา” เรารู้จากนักบุญยอห์นดีว่า เมื่อท่านพูดถึง “เทศกาลของชาวยิว” ท่านต้องการให้เราเข้าใจว่า พระเยซูเจ้าทรงประยุกต์ความหมายนั้นมาสู่พระองค์เอง การฉลองปัสกาถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ต้นๆของพระวรสารของท่านแล้วว่าเป็นการฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูเจ้าเองทรงเป็นลูกแกะปัสกา (ยน 1 : 29, 36) และในวันฉลองปัสกาอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ได้ตรัสถึงพระวิหารที่ถูกทำลาย แล้วพระองค์จะสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน(ยน 2 :19-21) และเมื่อพระองค์ทรงทวีขนมปังเลี้ยงประชาชน และได้ตรัสว่าจะทรงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยพระกายและพระโลหิตของพระองค์ ก็อยู่ในช่วงปัสกาเช่นกัน (ยน 6) และขณะนี้ พระองค์กำลังจะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งจะเป็นปัสกาครั้งสุดท้าย แต่นักบุญยอห์นไม่เล่ารายละเอียดเรื่องการกินเลี้ยงและการตั้งศีลมหาสนิท แต่กลับเล่าเรื่องการล้างเท้าบรรดาศิษย์
สำหรับชาวยิวแล้ว การล้างเท้าเป็นการรับใช้ที่สงวนไว้เฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นทาส มีแต่ทาสเท่านั้นที่ล้างเท้าให้เจ้านาย ดังนั้นในการล้างเท้าบรรดาศิษย์ พระเยซูเจ้าทรงถ่อมองค์ลงเป็นทาส พระองค์กลายเป็นเหมือนสิ่งของหรือวัตถุที่คนซื้อขายกัน สิ่งนี้เป็นการประกาศว่าพระองค์จะทรงถูกขายในราคาสามสิบเหรียญ ซึ่งเป็นราคาของทาสหนึ่งคน
คำต่อมาคือคำว่า “พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา” นักบุญยอห์นไม่ได้ต้องการเพียงบอกว่า เวลาที่มาถึงของพระองค์ คือเวลาที่ต้องสิ้นพระชนม์ แต่มีความหมายไกลและสมบูรณ์มากกว่านั้น คือยังรวมถึงการกลับคืนพระชนมชีพ และการเสด็จกลับไปหาพระบิดา ดังนั้น บทนำในเรื่องการล้างเท้าบรรดาศิษย์ก็ใช้ได้เบ็ดเสร็จรวมไปถึงบทอื่นๆที่เหลือของพระวรสารของท่านเลยทีเดียว
และสุดท้าย “พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” เป็นความรักแบบสูงสุดที่พระองค์ทรงถ่อมองค์เพื่อล้างเท้าบรรดาศิษย์ และต่อไปจะทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น จนสิ้นพระชนม์บนกางเขน และกลับฟื้นคืนพระชนมชีพ แล้วเสด็จคืนสู่พระบิดา ทั้งหมดนี้แสดงว่าทรงรักพวกเขาจนถึงที่สุด แต่ขอให้เราพิจารณาตอนจบของพระวรสารวันนี้ที่บันทึกไว้ว่า “เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน” ซึ่งการจบเช่นนี้ ก็เป็นการจบด้วยเนื้อหาเหมือนกันกับเรื่องการตั้งศีลมหาสนิทที่นักบุญมัทธิว มาระโก และลูกา เขียนว่า “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”
(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เขียนเมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ.2020
Based on : (1) John for Everyone, Part Two; by : Tom Wright ;
(2) รำพึงและเข้าใจพระวรสารนักบุญยอห์น : คณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร จากบทเทศน์ของ Fr. Andre Gelinas, SJ)