วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (ยน 3:14-21)
เวลานั้น พระเยซูตรัสกับนิโคเดมัสว่า “โมเสสได้ยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงได้ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้ มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือ ความสว่างได้เข้าในโลกนี้แล้ว แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย ทุกคนที่ทำความชั่วย่อมเกลียดความสว่าง และไม่เข้าใกล้ความสว่าง เกรงว่าการกระทำของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริง ย่อมเข้าใกล้ความสว่าง เพื่อการกระทำของเขานั้นจะปรากฏว่าได้กระทำเดชะพระเจ้า’
ยน 3:14 รูปงู : ในถิ่นทุรกันดาร ชาวอิสราแอลที่ถูกงูพิษกัดได้รอดพ้นจากความตายโดยการมองดูงูทองสัมฤทธิ์ที่โมเสสติดไว้ที่เสาและ “ชูขึ้น” (เทียบ กดว 21:4-9) เหตุการณ์นี้เป็นการบอกล่วงหน้าถึงการพลีบูชาของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงถูก “ยกขึ้น” บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของมวลมนุษยชาติ
CCC ข้อ 2130 ในพันธสัญญาเดิม พระเจ้าทรงบัญชาหรือทรงอนุญาตให้สร้างภาพซึ่งเป็นสัญลักษณ์ช่วยชี้นำไปสู่ความรอดพ้นเดชะพระวจนาตถ์ผู้ทรงรับพระธรรมชาติมนุษย์ เช่นงูทองสัมฤทธิ์หีบพระบัญญัติ และรูปบรรดาเครูบ
ยน 3:16-21 การส่งพระบุตรแต่เพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า เพื่อไถ่บาปของเราและมอบชีวิตนิรันดรให้แก่เรา คือการกระทำยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งความรักของพระเจ้าต่อเรา ความจริงแล้ว พระเจ้าพระบิดาทรงมอบพระคริสตเจ้าผู้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ก็ เพื่อเปิดเผยความรักที่ยิ่งใหญ่มหาศาลของพระองค์แก่เรา ผู้ใดที่ปฏิเสธของประทานแห่งความรักของพระคริสตเจ้าและการไถ่กู้นี้ เขาก็ตัดตนเองออกจากชีวิตนิรันดร แต่ผู้ใดที่เลือกดำเนินชีวิตในแสงสว่างของพระคริสตเจ้าจะได้รับความสุขทั้งในชีวิตนี้และในชีวิตนิรันดรที่กำลังจะมาถึง
CCC ข้อ 219 ความรักของพระเจ้าต่ออิสราเอลเปรียบได้กับความรักของบิดาต่อบุตรของตน” ความรักนี้ทรงพลังมากกว่าความรักของมารดาต่อบุตรของตน พระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์มากกว่าเจ้าบ่าวรักเจ้าสาวของตน ความรักนี้จะพิชิตกระทั่งความไม่ซื่อสัตย์ที่เลวร้ายที่สุดด้วยความรักนี้จะขยายไปจนถึงการให้ของประทานประเสริฐที่สุด “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์” (ยน 3:16)
CCC ข้อ 444 พระวรสารเล่าว่าในโอกาสสำคัญสองครั้ง คือเมื่อพระคริสตเจ้าทรงรับพิธีล้างและทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ พระบิดาทรงเปล่งพระสุรเสียงประกาศว่าพระคริสตเจ้าทรงเป็น“บุตรสุดที่รัก" ของพระองค์ พระเยซูเจ้ายังตรัสถึงพระองค์เองว่าทรงเป็น “พระบุตรเพียงพระองค์เดียว” ของพระเจ้า (ยน 3:16) และทรงใช้ตำแหน่งนี้ยืนยันว่าทรงดำรงอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่นิรันดรทรงเรียกร้องให้ทุกคนมีความเชื่อ “ในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า”(ยน 3:18) การประกาศความเชื่อของคริสตชนเช่นนี้ปรากฏแล้วเมื่อนายร้อยโรมันประกาศเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนว่า “ชายคนนี้เป็นพระบุตรของพระเจ้าแน่ที่เดียว”(มก 15:39) ในพระธรรมล้ำลึกปัสกาเท่านั้น ผู้มีความเชื่อจึงอาจให้ความหมายของตำแหน่ง “พระบุตรของพระเจ้า” ได้อย่างสมบูรณ์
CCC ข้อ 454 พระนาม “พระบุตรของพระเจ้า” หมายถึงความสัมพันธ์เฉพาะตั้งแต่นิรันดรของพระเยซู คริสตเจ้ากับพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระบิดาและพระองค์ก็ทรงเป็นพระเจ้าด้วย” ผู้ใดจะเป็นคริสตชนได้จำเป็นต้องเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า
CCC ข้อ 458 พระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์ เพื่อเราจะได้รู้จักความรักของพระเจ้า “ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้คือ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรพระองค์เดียวมาในโลก เพื่อเราจะได้มีชีวิตโดยทางพระบุตรนั้น" (1 ยน 4:9) “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร” (ยน 3:16)
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)