ข้อคิดข้อรำพึง
พระวาจาพระเจ้า ของอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต ปี B
“ศิษย์ทั้งสามเหลียวมองรอบๆ ไม่เห็นผู้ใดอยู่กับตนนอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น”
นักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี เป็นนักปฏิรูปศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 13 ท่านเป็นผู้ก่อตั้งคณะนักบวชฟรังซิสกัน ท่านมีความรักต่อพระเยซูเจ้าอย่างลึกซึ้ง และต้องการจะเลียนแบบพระองค์อย่างครบถ้วน ทั้งชีวิตของท่านมุ่งมั่นปรารถนาแต่เพียงสิ่งเดียว คือให้ตัวท่านเองเป็นเหมือนพระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นมนุษย์มากเท่าที่จะเป็นได้ ท่านปรารถนาจะทำทุกอย่างที่พระองค์ตรัสด้วยความนอบน้อม และทำตามพระองค์ในทุกกิจการที่ทรงทำ และท่านก็ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ด้วย คือท่านละม้ายเหมือนพระคริสตเจ้ามาก จนกระทั่งสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ในปี ค.ศ. 1962 เรียกนักบุญฟรังซิส อัสซีซีว่าเป็น “พระคริสตเจ้าอีกองค์หนึ่ง”
วันหนึ่งขณะที่นักบุญฟรังซิสกำลังภาวนาอยู่ ท่านก็ได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ รอยแผลแบบของพระคริสต์ 5 แห่ง ประทับบนร่างกายของท่าน สิ่งเดียวเท่านั้นที่นักบุญฟรังซิสถือว่าสำคัญ คือ พระคริสต์และเพียงพระคริสต์เท่านั้น
ย้อนกลับไปในวัยหนุ่ม ท่านชอบการผจญภัย เพื่อเห็นแก่การผจญภัยและชื่อเสียง เคยร่วมกองทัพกับเมืองของท่านต่อสู้กับข้าศึก แต่เมื่อท่านได้พบกับพระเยซูเจ้าแล้ว ท่านละทุกสิ่ง และแสวงหาพระองค์แต่เพียงผู้เดียว
ท่านมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อของท่านเป็นพ่อค้าขายผ้าอาภรณ์ ท่านเคยเห็นเงินจำนวนมากในชีวิตของท่าน แต่เมื่อท่านพบพระคริสต์แล้ว ความร่ำรวยของพ่อท่านกลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ท่านจึงสละทรัพย์สมบัติต่อหน้าสาธารณชน แม้กระทั่งถอดเสื้อผ้าที่สวมคืนให้กับพ่อของท่าน และออกแสวงหาพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าผู้เดียวเท่านั้น
ในสมัยยังหนุ่ม ท่านชอบงานปาร์ตี้ ชอบความสนุกสนานรื่นรมย์กับบรรดาเพื่อนๆ แต่เมื่อพบพระเยซูเจ้าแล้วท่านยอมละทิ้งความสนุกสนานเหล่านั้น แล้วแสวงหาพระเยซูเจ้าแต่ผู้เดียวเท่านั้น นักบุญฟรังซิสเหมือนกับชายในนิทานเปรียบเทียบของพระเยซูเจ้าที่ยอมขายทุกสิ่งที่มี แล้วนำเงินไปซื้อที่ดินที่ขุมทรัพย์ซ่อนฝังอยู่ เมื่อฟรังซิสพบทรัพย์สมบัติที่ยิ่งใหญ่ คือพระเยซูเจ้า ท่านยอมสละทุกสิ่งเพื่อจะเป็นเจ้าของพระเยซูเจ้า และพระเยซูเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น
นี่เป็นความเชื่อ และการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของนักบุญฟรังซิส เหมือนความเชื่อของอับราฮัมที่ถูกทดสอบโดยพระเจ้าให้ฆ่าลูกของตนถวายเป็นบูชา แต่อับราฮัมไว้ใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น จึงตั้งใจทำตามพระบัญชา และสิ่งที่เกือบจะเลวร้ายก็กลับกลายเป็นดี จนถึงดีที่สุด เพราะพระเจ้าทรงอวยพรเชื้อสายของอับราฮัมให้ทบทวีมากมายยิ่งกว่าดวงดาราในท้องฟ้า
สานุศิษย์ 3 คนคือ เปโตร ยากอบ และยอห์นที่พระเยซูเจ้าพาขึ้นไปบนภูเขาสูง และได้เห็นพระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ และเห็นประกาศกเอลียาห์กับโมเสสแสดงตนสนทนากับพระเยซูเจ้า ต่างรู้สึกปลื้มปิติเป็นที่ยิ่ง แต่หลังจากนั้นมีเมฆก้อนหนึ่งลอยมาปกคลุมเขาไว้ มีเสียงหนึ่งออกมาจากเมฆนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” ทันใดนั้น เมื่อมองไปรอบๆ อีกทีหนึ่ง ก็เห็นแต่พระเยซูเจ้าเท่านั้น
ที่จริงก็ดีแล้วที่เห็นพระเยซูเพียงพระองค์เดียว ถ้าเกิดเขามองไปรอบๆ แล้วหายไปทั้งสามเลย ยิ่งยุ่งใหญ่ พวกเขาทั้งสามจะเป็นเช่นไร คงเป็นเหมือนแกะที่ปราศจากนายชุมพา พวกเขาไม่มีอำนาจพอที่จะทำอะไรได้ทั้งนั้น ถ้าลงภูเขาไปเจอคนที่รอคอยให้รักษาเยียวยาลูกของเขาที่ถูกปีศาจสิงตามเนื้อเรื่องที่นักบุญมาระโกเล่าไว้ต่อจากนี้ แต่พวกเขาทั้งสามไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่สามารถไล่ผีได้สำเร็จ เพราะพวกเขายังไม่มีอำนาจพอเหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงมี
ถ้าสาวกทั้งสามมองไปพบโมเสสอยู่แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีพระเยซูเจ้า ไม่มีประกาศกเอลียาห์ คงจะเป็นประสบการณ์ที่น่าเศร้ามากๆ เพราะขณะนี้ เราไม่ต้องการโมเสสและกฎหมายของท่านอีกแล้ว เราไม่ต้องการโมเสสและภูเขาซีนาย (ที่ท่านขึ้นไปรับพระบัญญัติ 10 ประการ) แต่เราต้องการพระเยซูเจ้าและพระหรรษทานของพระองค์ เราต้องการพระเยซูเจ้าและภูเขากัลวาริโอ เราต้องการพระเยซูเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ไม่ใช่โมเสส
ถ้ามองไปแล้วเห็นแต่ประกาศกเอลียาห์แต่เพียงผู้เดียวล่ะ นี่จะเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากทีเดียว ประกาศกเอลียาห์เป็นคนแข็งและไม่ยอมอภัยต่อคนบาป ท่านเคยฆ่าประกาศกของพระบาอัล 450 คนมาแล้ว (1 พกษ 18 : 22, 40) ถ้าสาวกทั้งสามลงภูเขาไปกับประกาศกเอลียาห์ กษัตริย์เฮโรด และภรรยาคือนางเฮโรเดียสจะถูกสาปแช่งให้ตาย ท่านเป็นตัวแทนการแก้แค้นให้พระเจ้า เราย่อมไม่ต้องการเอลียาห์ด้วยในขณะนี้ เราต้องการพระเยซูเจ้าเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นเพื่อนกับบรรดาคนบาป เราไม่ต้องการประกาศกที่หลั่งเลือดพวกพระสงฆ์ของพระบาอัล แต่เราต้องการพระผู้ไถ่ซึ่งหลั่งพระโลหิตของพระองค์เองบนเขากัลวาริโอ เพื่อความรอดพ้นของบรรดาคนบาป
หวังว่า เมื่อเราเหลียวมองไปรอบๆ เหลียวมองเข้าไปในตัวของเราเองในเทศกาลมหาพรตนี้ เราจะพบแต่พระเยซูเจ้าเพียงผู้เดียว มีเพียงพระเยซูเจ้าเท่านั้นในชีวิตเรา
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา อาทิตย์ที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2012 - เนื้อหาส่วนมากมาจาก John’s Sunday Homilies : Cycle – B)