แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันเสาร์ สัปดาห์ที่ 5

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก (มก 8:1-10)            

ครั้งนั้น ประชาชนมากมายชุมนุมกันอีก และไม่มีอะไรกิน พระองค์จึงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสกับเขาว่า “เราสงสารประชาชนเพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน ถ้าเราให้เขากลับบ้านโดยไม่ได้กินอะไร เขาจะหมดเรี่ยวแรงขณะเดินทาง เพราะมีหลายคนเดินทางมาจากที่ไกล” บรรดาศิษย์จึงทูลตอบว่า “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อน” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นดิน ทรงหยิบขนมปังเจ็ดก้อนนั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงบิขนมปัง ประทานให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่าย เขาก็แจกจ่ายขนมปังให้ประชาชน เขายังมีปลาตัวเล็ก ๆ อยู่บ้าง พระองค์ทรงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า ทรงสั่งให้แจกจ่ายปลาเช่นเดียวกัน ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า ผู้ที่กินขนมปังและปลามีประมาณสี่พันคน พระองค์ทรงส่งเขากลับไป แล้วพระองค์เสด็จลงเรือพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปยังบริเวณเมืองดาลมานูธาทันที


มก 8:1-10 อัศจรรย์การทวีขนมปังครั้งที่สองนี้ เป็นการอ้างอิงอีกครั้งหนึ่งถึงประชากรใหม่ของพระเจ้า  เดินทางมาจากที่ไกล: ในขณะที่อัศจรรย์ครั้งแรกนั้นได้กระทำสำหรับชาวยิว แต่ครั้งนี้หลายคนในฝูงชนที่นี้เป็นชาวต่างชาติ ในขณะที่อัศจรรย์ครั้งก่อนหน้านี้มีการเก็บเศษขนมปังได้สิบสองตระกร้า ซึ่งเป็นเครื่องหมายถึงสิบสองเผ่าพันธุ์ของอิสราแอล แต่ในอัศจรรย์ครั้งนี้ยังเก็บเศษขนมปังที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า ซึ่งหมายถึงเจ็ดชนต่างชาติที่เป็นเพื่อนบ้านของประเทศอิสราแอล ตามที่ได้กล่าวไว้ถึงหญิงชาวซีเรียฟินิเชียนในบทที่แล้วนั้นว่า ได้มีการเทศน์สอนพระวรสารในอันดับแรกกับชาวยิวก่อน หลังจากนั้นจึงประกาศแก่ชาวต่างชาติ แต่ในที่สุดทุกคนก็ได้รับเชิญให้เข้ามานมัสการและมีส่วนร่วมในศีลมหาสนิทแห่งพระศาสนจักรหนึ่งเดียวของพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรเตือนใจคาทอลิกทุกคนที่เตรียมตัวอย่างดีแล้วและตระหนักว่าไม่ได้ทำบาปหนัก ให้รับศีลมหาสนิทบ่อยๆ ส่วนผู้ที่ไม่ใช่คาทอลิกก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณด้วย แต่พวกเขาไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้ เนื่องจากเขายังไม่ได้มีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรอย่างเต็มที่ 

CCC ข้อ 1355 ในการรับศีล ซึ่งมีบท “ข้าแต่พระบิดา” และการบิขนมปังนำหน้านั้น บรรดาผู้มีความเชื่อรับ “อาหารจากสวรรค์” และ “ถ้วยแห่งความรอดพ้น” คือพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าผู้ทรงมอบพระองค์ “เพื่อให้โลกมีชีวิต” (ยน 6:51)

           เนื่องจากว่าขนมปังและเหล้าองุ่นนี้ “ได้กลับเป็นศีลมหาสนิท” (หรือ “eucharistizata” ตามวลีที่ใช้มาแต่โบราณ) “อาหารนี้ที่เราเรียกว่า ‘ศีลมหาสนิท’ ซึ่งไม่มีใครอื่นได้รับอนุญาตให้รับได้นอกจากผู้ที่เชื่อว่าคำสอนของเรานั้นจริง และผู้ที่ได้รับการล้างเพื่อรับอภัยบาปและบังเกิดใหม่แล้ว และดังนี้เขาจึงมีชีวิตดังที่พระคริสตเจ้าได้ประทานให้เขา”


มก 8:6 ในการบิขนมปังนั้นพระคริสตเจ้าทรงใช้ภาษาเชิงศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นการบอกล่วงหน้าถึงศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งศีลมหาสนิท ที่พระองค์จะทรงสถาปนาขึ้นในอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระองค์ 

CCC ข้อ 1355 อ่านเพิ่มเติมด้านบน (มก 8:1-10)

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)