แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ข้อคิดข้อรำพึง

อาทิตย์ที่ 3 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B

จงกล้าที่จะชื่นชมยินดี

Third Advent 4

อาทิตย์ที่ 3 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า  มีชื่อเรียกเป็นภาษาลาตินว่า "Gaudete  Sunday"  เหมือนภาษาอังกฤษว่า  "Rejoice  Sunday"  หมายถึงอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี  พระวาจาของพระสำหรับอาทิตย์นี้จะพบคำว่า  "ชื่นชมยินดี"  นี้อยู่ทุกหนทุกแห่ง  ไม่ว่าจะเป็นบทอ่านแรก  จากหนังสือประกาศกอิสยาห์  "ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า  วิญญาณของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า"  ในบทอ่านที่สอง  จดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง  "พี่น้อง จงร่าเริงยินดีเสมอ"  และในพระวรสารของนักบุญยอห์นได้ให้เหตุผลที่ประชาชนควรจะชื่นชมยินดี  เพราะพระเมสสิยาห์ที่พวกเขารอคอย  บัดนี้ได้มาประทับอยู่ในหมู่ของพวกเขาแล้ว  เป็นการประกาศจากท่านยอห์น  ผู้ทำพิธีล้าง  ผู้ที่มาเป็นพยานถึงแสงสว่าง

 

บางที  บางเวลา  และบางคน  อาจจะสงสัยว่า  จะให้มีความเปรมปรีดิ์  มีความชื่นชมยินดีได้อย่างไร  ประชาชนกำลังอยู่ในท่ามกลางความแตกแยก  อยู่ท่ามกลางหมู่ศัตรู  อยู่ในความเจ็บปวดรวดร้าว  การกดขี่ข่มเหง  และการเบียดเบียน  เราจะมีความชื่นชมยินดีได้อย่างไรในเมื่อธุรกิจการค้าพัง  การท่องเที่ยวหยุดชะงัก  หลายธุรกิจสูญหาย  และคนมากมายตกงาน  หรือหางานทำไม่ได้  ประเทศเราเผชิญวิกฤติหลายอย่าง  จะมีอะไรเป็นความหวังได้หรือ  ยังจะมีความชื่นชมยินดีจริงๆได้หรือ  

ในบทรำพึงของพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ที่ 16  ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า  ปี ค.ศ. 2005  ทรงเขียนไว้ดังนี้ 

 

"เมื่อพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี  ชื่อเมืองนาซาเร็ธ  มาหาหญิงพรหมจารีคนหนึ่ง....  หญิงพรหมจารีนั้นชื่อมารีย์  ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า  'จงยินดีเถิด'  ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน  พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน" - คำว่า 'Kaire' ในภาษากรีก  หมายถึง  "จงชื่นชมยินดี"  "จงเป็นสุข"  ความหมายที่แท้จริงของคริสต์มาสคือสิ่งนี้ : พระเจ้าทรงอยู่ใกล้เรา  ใกล้เรามากจนกระทั่งพระองค์ทรงกลับกลายเป็นเด็กคนหนึ่ง  พวกเราคงตระหนักได้ว่าโลกของเราทุกวันนี้  ที่ไม่มีพระองค์ประทับอยู่  ถูกครอบครองด้วยความกลัว  ด้วยความไม่แน่นอน  ถึงกระนั้นคำที่ว่า  "จงชื่นชมยินดีเพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา"  ก็เป็นการเปิดวันเวลาใหม่อย่างแท้จริง  ความชื่นชมยินดีเป็นของขวัญแท้จริงของคริสต์มาส  ไม่ใช่ของขวัญชิ้นที่มีราคาแพงที่ต้องใช้เงินมากๆ หรือใช้เวลาแสวงหาอยู่นาน  เราสามารถพบความชื่นชมยินดีได้โดยง่ายด้วยรอยยิ้ม  ด้วยท่าทีที่เป็นมิตร  ด้วยการให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ  หรือด้วยการรู้จักให้อภัย  และความชื่นชมยินดีนี้ที่เราให้ออกไป  จะวนกลับเข้ามาหาเราอย่างแน่นอน  ให้เราภาวนาขอให้การประทับอยู่ของพระเจ้า  ทรงนำความชื่นชมยินดีและฉายแสงโดยตรงมาสู่ชีวิตของเรา

Third Advent 5

เราคงทราบถึงความแตกต่างระหว่างความสุขกับความชื่นชมยินดี  ความสุขคือเมื่อมีบางสิ่งทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้า  ส่วนความชื่นชมยินดี คือเมื่อมีบางสิ่งทำให้คุณอบอุ่นหัวใจ  พระเจ้าทรงต้องการให้เราดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดี  ความชื่นชมยินดีเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีวันผิดพลาดในการประทับอยู่ของพระเจ้า  พระองค์ทรงต้องการให้เราสู้ทนกับชีวิตของเรา  แต่ด้วยความชื่นชมยินดี

 

ครั้งหนึ่ง  ผู้เชี่ยวชาญในด้านการแนะนำวิญญาณได้กล่าวว่า  มีสองวิธีที่ทำให้เกิดความอบอุ่นแก่ร่างกาย  หนึ่งคือการกระโดดขึ้นและลง  หรือการออกกำลังกายในรูปแบบอื่นๆที่คล้ายกัน  ร่างกายเราจะอบอุ่นนานเท่านานตราบเท่าที่เรายังออกกำลังกาย  แต่ถ้าเราเหนื่อยและหยุด  ร่างกายก็จะค่อยๆเย็นลง  วิธีที่สองที่ง่ายกว่ามาก  คือเราไปยืนอยู่ใกล้กองไฟ  เราจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา  โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆเลย  ใช่แล้วครับ  พระเยซูเจ้าทรงเป็นไฟที่ทำให้เราลุกร้อนขึ้นมา  เราต้องการอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า

 

คุณพ่อจิตตาธิการโรงพยาบาลมีหน้าที่ไปเยี่ยมคนป่วย  ท่านกล่าวว่า  มีคนป่วยจำแนกได้เป็นสองพวกด้วยกัน  พวกแรกคือพวกที่ตกใจกลัว  สับสนหรือโกรธ (รวมไปถึงญาติของคนไข้ด้วยที่รู้สึกแบบเดียวกัน)  พวกเขามักตั้งคำถามว่า  ทำไมจึงเกิดสิ่งนี้ขึ้น  มีพระเจ้าจริงหรือ  ตัวฉันเอง (หรือพ่อแม่ฉัน  หรือลูก  หรือพี่น้องของฉัน) ได้ทำอะไรผิด  จึงสมควรกับโรคเหล่านี้

 

ในทางตรงข้ามกับคนกลุ่มที่สอง  แม้ว่าเขาต้องประสบโรคร้ายแรง  และต้องทนทุกข์ทรมานมาก  แต่พวกเขากลับจัดการกับอารมณ์ได้  โดยยิ้มสู้และพูดว่า  "พระเจ้าทรงดีเหลือล้น  พระองค์ได้ทรงอวยพระพรนานัปการให้ตลอดชีวิต  และฉันไว้วางใจในพระองค์หมดหัวใจ"  บทสรุปในที่นี้  คือว่า  มีความเป็นไปได้ที่จะมีความชื่นชมยินดี  ควบคู่ไปกับการต้องทนรับความทุกข์ทรมานต่างๆ  จึงทำให้เราพอจะมั่นใจได้ว่าความชื่นชมยินดีของเรามีแหล่งกำเนิดภายในตัวบุคคล  คือในองค์พระเยซูเจ้า  มากกว่าความรู้สึกชั่วครั้งชั่วคราวที่เราแสดงออกมา"

 

ขีดขั้นของความชื่นชมยินดีของเรามีความสัมพันธ์โดยตรงกับการที่เรามีความใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า  และพระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดกับเรามากน้อยแค่ไหน  ผู้คนที่ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้ามากๆ จะสัมผัสได้ถึงความชื่นชมยินดีอันยิ่งใหญ่  ถึงแม้ว่าเป็นองค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงรับทุกข์ทรมาน  และทรงถูกตรึงการเขนที่พวกเขาเข้ามาใกล้ชิด  แต่พระองค์ยังทรงมอบความชื่นชมยินดีให้  แม้จากบนไม้กางเขน  ความชื่นชมยินดีอยู่เหนือความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานทุกชนิด  แน่นอนครับ  ว่าความชื่นชมยินดีเช่นนี้  เป็นมากกว่าความสุข  หรือรอยยิ้มที่เผยออกมาภายนอก

 

ดังนั้น  เราสามารถที่จะชื่นชมยินดีได้ในท่ามกลางความทุกข์ทรมาน และความยุ่งยากทุกชนิด  ตราบเท่าที่เรายังใกล้ชิดกับพระคริสตเจ้า  นี่คือเคล็ดลับของบรรดานักบุญ  พวกท่านได้เข้าถึงความใกล้ชิดกับพระองค์ในขีดขั้นที่ว่าความทุกข์ทรมานเป็นเพียงการเพิ่มความชื่นชมยินดีให้  เพราะทำให้พวกท่านเป็นเหมือนพระคริสต์ผู้ทนทุกข์ได้ง่ายขึ้น  เคล็ดลับของบรรดานักบุญนี้  ควรจะเป็นเคล็ดลับของเราด้วย  ยิ่งเราใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้นเท่าไร  ความชื่นชมยินดีของเราก็จะทวีมากขึ้นเท่านั้น

 

(คุณพ่อ วิชา  หิรัญญการ  ลงวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2020

Based on : Ignite Your Spirit ; by Fr John Pichappilly) Edition)

Third Advent 1Third Advent 2Third Advent 3