บทเทศน์บทรำพึง
อาทิตย์ที่ 30 เทศกาลธรรมดาปี A
"ความเป็นบุคคลทั้งครบของพระเยซูเจ้าเมื่อทรงอยู่ในโลกนี้ก็คือ 'กิจการแห่งความรัก' ดังนั้น เราสามารถให้ข้อสรุปความเชื่อของเราด้วยเพียงสองคำ คือ พระเยซูเจ้า และความรัก" พระดำรัสของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 2005 ในช่วงใกล้ๆจบสิ้นปีแห่งศีลมหาสนิท ที่จริงแล้ว เราอาจลืมสิ่งอื่นๆ ในหนังสือพระคัมภีร์และเพียงแต่ดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความรักของพระเยซูเจ้า "ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน" (ยน 15:12) เราก็จะทำให้ทุกสิ่งที่เขียนไว้ในกฎหมาย ในคำสอนของบรรดาประกาศก และในพระวรสารเกิดผลอย่างเต็มที่ จงจำไว้ว่าพระเยซูเจ้าทรงมอบหมายภารกิจเดียวให้เราคือ "รัก"
พระเยซูเจ้าทรงทราบถึงอันตรายของการรักแค่ตามกฎหมาย พระองค์จึงทรงวิพากษ์ความรักต่อกฎหมายของโมเสสของชาวฟาริสี เพราะว่าการกระทำเช่นนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นการทำลาย "กฎแห่งความรัก" มากที่สุด พระวรสารของวันนี้อธิบายการทดสอบพระเยซูเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายของพวกฟาริสี ก่อนที่พระองค์จะทรงบอกว่าพวกเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคด (มธ 23) ความรักต่อกฎหมายอย่างไร้สาระของพวกฟาริสีเห็นได้ชัดจากคำถามของเขา "บัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ" ขอเตือนก่อนว่า พวกฟาริสีได้แบ่งกฎหมายของโมเสสเป็น 613 ข้อบัญญัติ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบัญญัติข้อใหญ่หรือเล็กจะมีบทลงโทษที่คู่ควรกัน ควบคู่มาด้วย
พระเยซูเจ้าทรงตอบพวกเขาโดยอ้างจาก 2 แหล่งของภาคพันธสัญญาเดิม คือ (a) จาก ฉธบ 6:5 "ท่านต้องรักองค์พระเป็นเจ้าพระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน" และ (b) จาก ลวต 19:18 "ท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง"
บทบัญญัติข้อแรก หรือส่วนแรกมาจาก Shema หรือการประกาศความเชื่อที่ผู้ชายชาวยิวทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจที่จะท่องออกมาทั้งตอนเช้า กลางวัน และกลางคืน (ฉธบ 6:4-9) แต่ของพระเยซูเจ้าทรงเน้นความสำคัญทั้งสองภาค หรือกล่าวได้ว่าทรงให้ความสำคัญภาคที่สองเท่าๆกับภาคแรก สรุปคือ เราไม่สามารถรักพระได้โดยที่เราไม่รักเพื่อนพี่น้องของเรา และในทางกลับกันด้วย
การเข้าใจเรื่องรักเพื่อนมนุษย์เป็นเรื่องที่คนเข้าใจไม่เหมือนกัน สำหรับพระเยซูเจ้า เพื่อนมนุษย์หมายถึงคนที่กำลังจะตายเพราะถูกทำร้ายนอนอยู่กลางถนน ในอุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี อนึ่ง ในบทอ่านแรกของอาทิตย์นี้มาจากหนังสืออพยพบอกว่าเพื่อนมนุษย์ของชาวยิวคือคนต่างชาติ หญิงม่าย ลูกกำพร้า และคนยากคนจน เราควรจะพิจารณาด้วยว่าคนเหล่านี้เป็น "เพื่อนมนุษย์" ของเราหรือไม่
นักบุญออกัสตินได้เขียนไว้ว่า "จงรัก และจงทำสิ่งที่คุณพอใจ" ความหมายที่ท่านต้องการหมายถึงก็คือ ใครที่รักอย่างแท้จริง ย่อมไม่สามารถทำสิ่งที่ผิดได้ แต่ในปัจจุบัน เราอาจจะเห็นในสื่อชนิดต่างๆ ที่เปรียบเทียบความรักเท่ากับเรื่องเพศ ความพึงพอใจ อารมณ์ความรู้สึก และประโยชน์นิยม ซึ่งถือว่าเป็นการบิดเบือนความเข้าใจในเรื่องความรักของเรา มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อ Love Story ออกฉายในปี ค.ศ. 1970 ทำมาจากนวนิยายของ Erich Segal มีคำพูดในภาพยนตร์ที่ทำให้คนจดจำได้ คำนั้นคือ "รัก ต้องไม่มีคำว่า เสียใจ" แต่อันที่จริง คู่รักมักจะพูดคำว่า "ฉันเสียใจ" ค่อนข้างบ่อย เพราะความบกพร่องบ้าง ความผิดพลาดบ้าง นี่ทำให้เราเริ่มตระหนักว่า เรายังอยู่ห่างไกลจากคำสอนของพระเยซูเจ้าที่ว่า "ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน"
พระเจ้า-พระเยซูเจ้า ทรงเป็นความรัก ภาพของพระเยซูเจ้าที่ทรงโน้มองค์ลงล้างเท้าบรรดาอัครสาวก และพระวรกายที่โชกไปด้วยพระโลหิตขณะทรงถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน เป็นสัญลักษณ์ที่สูงส่งที่สุดของความรัก มีเรื่องของหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งในประเทศอินเดีย เธอมีลูกชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งมีความพิการทางสมองอย่างรุนแรง และเพื่อที่เธอจะมีเวลาดูแลลูกสาวเล็กๆอีกสองคนของเธอ จึงจำเป็นต้องส่งลูกชายไปอยู่ศูนย์ที่ช่วยดูแลผู้พิการทางสมอง ที่ดำเนินการโดยองค์กรทางศาสนา แต่หลังจากส่งลูกชายไปอยู่ที่ศูนย์นี้ได้เพียงสองสามวัน แม่ม่ายคนนั้นร้องไห้กลับไปที่ศูนย์ ไปหาพระสงฆ์ที่ดูแลศูนย์พูดว่า "คุณพ่อคะ ฉันเสียใจค่ะ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีลูกชายอยู่ด้วย ฉันขอนำตัวเขากลับไปอยู่ด้วยนะคะ" แต่นั้นมา จนทุกวันนี้ แม้เด็กชายคนนั้นจะมีพฤติกรรมที่รุนแรง และกรีดร้องบ่อยๆ (เพราะความผิดปกติของสมอง) แต่ก็จะเห็นผู้เป็นแม่อยู่เคียงข้าง คอยเอาใจใส่เขาด้วยความรัก นี่เป็นตัวอย่างของความรักที่ยินดีรับใช้ และเสียสละอุทิศตนที่น่ายกย่องจริงๆ และเป็นความรักในแบบที่พระเยซูเจ้าทรงหมายถึง
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้เตือนใจเราให้ประกาศ "ข่าวดี ที่ว่า พระเจ้า-พระเยซูเจ้า ทรงเป็นความรัก" เราจะสามารถทำให้ความรักของเราเป็นท่วงทำนองของดนตรีอันไพเราะผสานกับความรักของพระเยซูเจ้าได้หรือไม่
(เขียนโดย คุณพ่อวิชา หิรัญญการ ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2017
Based on : Sunday Seeds for Daily Deeds โดย Francis Gonsalves, S.J.)