25 สิงหาคม
นักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส
( St Louis IX : 1214 - 1270 )
นักบุญหลุยส์ ประสูติเมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1214 เป็นพระโอรสของกษัตริย์หลุยส์ที่ 8 และ Blanche of Castille, และเพียงพระชนม์ 11 พรรษาก็ได้เป็นกษัตริย์สืบต่อพระราชบิดาที่สวรรคตในปี ค.ศ.1226 เป็นเวลาถึง 10 ปีที่พระองค์ทรงปกครองประเทศภายใต้การปกป้องคุ้มครองจากพระมารดาที่ชาญฉลาดของพระองค์ และพระนางยังทรงมีอิทธิพลต่อกิจการต่างๆของฝรั่งเศสในด้านที่เป็นประโยชน์ต่อไปจนถึงแก่ความตายในปี ค.ศ.1252 เมื่ออายุ 19 ปี ทรงเสกสมรสกับพระนางมาร์การิต แห่งโปรวองซ์ มีพระโอรสพระธิดาด้วยกันถึง 10 พระองค์ นักบุญหลุยส์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการเป็นพระสวามีและพระบิดาที่อุทิศองค์เป็นอย่างดี
ทั้งโดยธรรมชาติและได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างลึกซึ้งทางศาสนา นักบุญหลุยส์ไม่เคยลืมคำเตือนของพระมารดาที่ว่า "แม่จะยอมเห็นลูกสิ้นชีพแทบเท้าของแม่ ดีกว่าเห็นลูกทำบาปหนักสักหนึ่งประการ" ในแต่ละวันพระองค์จะเสด็จเข้าร่วม 2 พิธีมิสซา ทรงสวดทำวัตร และที่ข้าราชบริพารของพระองค์ไม่รู้คือ ใช้เวลาหลายชั่วโมงภาวนาและทำกิจใช้โทษบาป ธรรมเนียมที่คุกเข่าลงในระหว่างสวดบทแสดงความเชื่อเมื่อถึงตอนที่ว่า "และทรงบังเกิดเป็นมนุษย์" และในช่วงอ่านพระวรสารเรื่องพระทรมานตอนที่กล่าวถึงว่า "แล้วพระองค์ก็สิ้นพระชนม์" มีแหล่งที่มาจากนักบุญหลุยส์นี่เอง มิทรงยึดถือความสุขสบาย แต่กลับมีใจอ่อนหวานกับบรรดาคนยากจน และคนอับโชคทั้งหลาย - นอกจากทรงสร้างโรงพยาบาลหลายแห่งแล้ว ยังทรงหาบ้านให้คนตาบอด 300 คนได้อยู่ และทรงหาที่พักพิงให้พวกโสเภณีที่กลับตัวกลับใจ ในแต่ละวันจะทรงเลี้ยงอาหารพวกคนจนและทรงดูแลพวกคนโรคเรื้อนด้วย พระองค์ยังทรงแก้ไขกระบวนการให้ความยุติธรรมใหม่ทั้งหมด และทรงอนุญาตให้อุทธรณ์มาถึงพระองค์ได้ แทนที่แต่เดิมทำที่ศาลของขุนนางเท่านั้น
พระองค์ทรงมีพระทัยเข้มแข็งและศรัทธาเข้มข้น ทรงเป็นพระสหายที่ดีของบรรดาสมณะ และโดยเฉพาะคณะนักบวชฟรังซิสกันและโดมินิกันที่ยังค่อนข้างใหม่อยู่ พระองค์เองทรงเป็นฟรังซิสกันชั้นที่สาม ก่อนจะเริ่มเข้าสู่สงครามครูเสดครั้งที่ 7 พระองค์ทรงให้การสนับสนุนในการออกกฤษฎีกาต่อต้านการล่วงละเมิดที่ไม่สมควรของบรรดาขุนนางและแม้แต่ข้าราชการของพระองค์เอง ในฐานะที่ทรงเป็นอัศวินที่แท้จริงและด้วยจิตสำนึกด้านศีลธรรมแบบคริสตชน พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ใช้ภาษาหยาบคายและเป็นที่สะดุดในราชสำนักของพระองค์ เป็นไปได้ว่าในบรรดาสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นมา ที่มีชื่อเสียงมากสุดคือ วิทยาลัยซอร์บอนน์ (the college of the Sorbonne) ซึ่งต่อมากลายเป็นคณะเทววิทยาของกรุงปารีส และ Sainte Chapelle ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในอัญมณีทางสถาปัตยกรรม และเป็นที่เก็บพระธาตุของไม้กางเขนแท้ และมงกุฎหนาม (which housed the relics of the True Cross and the Crown of Thorns)
ในด้านทางการเมือง นักบุญหลุยส์ทรงสามารถทำให้สงครามของพวกเฮเรติ๊ก Albegensian ทางตอนใต้สิ้นสุดลง ทรงปราบกบฏของ Count de la Marche และทรงบรรลุสนธิสัญญาระหว่างปารีสกับอังกฤษในปี ค.ศ.1259 พระองค์ยังทรงเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในความขัดแย้งระหว่างพระสันตะปาปากับจักรพรรดิ แต่สิ่งที่ทรงปรารถนามากที่สุด คือความหวังที่จะยึดครองแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่ปาเลสไตน์กลับคืนมาจากพวกเตอร์ก ในปี ค.ศ.1248 ทรงยึดเมือง Damietta ได้สำเร็จในสงครามครูเสดครั้งที่ 7 แต่พระองค์เองทรงถูกจับไปเป็นเชลย และต้องเสียค่าไถ่ตัวกลับมา อีก 22 ปีต่อมา คือในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ.1270 ขณะที่พระองค์ทรงกำลังอยู่ในการยกทัพไปต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงติดโรคระบาดร้ายแรงและสิ้นพระชนม์ที่เมืองตูนิส ประเทศตูนีเซีย
ทรงได้การสถาปนาเป็นนักบุญในปี ค.ศ.1297 โดยพระสันตะปาปาบอนีฟาซ ที่ 8 นักบุญหลุยส์ทรงได้รับความเคารพในฐานะเป็นองค์อุปถัมภ์ของช่างก่อสร้างด้วยหิน ช่างพิมพ์ และช่างตัดผม
(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ จากหนังสือ Saint Companions For Each Day ; เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe)