ข้อคิดข้อรำพึง
อาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ปี A
"ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย"
จากบทอ่านแรก เราได้ทราบช่วงหนึ่งของประวัติชีวิตของประกาศกเอลียาห์
ประกาศกเอลียาห์ในปีประมาณ 860 ปีก่อนคริสตกาล ภายใต้การปกครองของกษัตริย์อาหับ ซึ่งกษัตริย์อาหับนั้น ทรงถูกปกครองด้วยพระมเหสีเยซาเบลอีกทีหนึ่ง ซึ่งเป็นคนต่างชาติ ไม่ใช่หญิงอิสราเอล พระมเหสีนำพระบาอัลเข้ามา นำเอาประกาศกของพระบาอัลซึ่งมีจำนวนมากเข้ามา ภายใต้อิทธิพลของพระมเหสีมีการสร้างวิหารมากมายให้แก่พระของคนต่างชาติ ดูเหมือนพระของคนต่างชาติจะเข้ามาแทนที่พระยาเวห์ ประกาศกเท็จเทียมจะมาแทนที่ประกาศกจริงของพระยาเวห์
สถานการณ์เช่นนี้แหละที่ทำให้ประกาศกเอลียาห์ลุกขึ้นมาสู้ วันหนึ่งมเหสีเยซาเบลเสด็จไปท่องเที่ยว ประกาศกเอลียาห์ก็เลยเข้ามาท้าดวลกับประกาศกของพระบาอัลหมู่ใหญ่ที่ภูเขาคาร์เมล เพื่อพิสูจน์ว่าพระเจ้าของฝ่ายใดจะเที่ยงแท้กว่ากัน โดยผ่าสัตว์วางไว้เป็นเครื่องถวายบูชา และให้วิงวอนขอให้ไฟมาจากฟ้าเผาสัตว์บูชานั้นจากพระของตน ผู้คนมากมายมาดูการต่อสู้ครั้งนี้ ปรากฏว่าประกาศกของพระบาอัลทำไม่สำเร็จ แต่เอลียาห์ทำได้สำเร็จ ท่านจึงใช้มวลชนที่พากันมาดูนั้น ช่วยกันสำเร็จโทษโดยฆ่าทิ้งประกาศกของพระเท็จเทียมทั้ง 450 คน
แต่เมื่อมเหสีเยซาเบลผู้ทรงอิทธิพลเสด็จกลับมาและทรงทราบเรื่อง ก็ขู่เอาชีวิตของเอลียาห์ ท่านหนีหัวซุกหัวซุน ต้องผ่านถิ่นทุรกันดาร จนถึงภูเขาซีนาย ที่พระเจ้าเคยประทานพระบัญญัติให้กับโมเสส ถึงบัดนี้ เอลียาห์หมดกะจิตกะใจทำงานแล้ว ท่านเห็นว่าการต่อสู้เพื่อเอาชนะความอธรรมช่างลำบากแสนเข็ญ และดูเหมือนไม่มีทางเอาชนะ คนที่เคยกล้าหาญอย่างท่านกลับขอให้พระเจ้าทรงเอาชีวิตของท่านไปเถิด ท่านยอมแพ้แล้ว
แต่พระเจ้าเสด็จมาหาท่าน ไม่ใช่ด้วยไฟที่ลุกโชติช่วง ไม่ใช่ด้วยแผ่นดินไหว ไม่ใช่ลมพายุ แต่เป็นเสียงกระซิบเบาๆ เอลียาห์เอาเสื้อคลุมปิดหน้าไว้ ท่านกลับไปต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ต่อไปนี้ไม่ใช่ด้วยความรุนแรงร้อนลุกดังเปลวไฟแล้ว แต่ด้วยความสงบสุขุมคัมภีรภาพ
ตัดกลับมาเรื่องที่เกิดขึ้นในพระวรสารของอาทิตย์นี้ บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้ากำลังอยู่ในเรือที่แล่นอยู่ในทะเลสาบ และกำลังเจอพายุลมมีกำลังแรงมาก เรือไม่ถึงฝั่งสักที มีแต่ทำท่าจะจมลงไปในทะเล ขณะที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน ขณะที่กำลังรู้สึกอันตรายถึงชีวิต พระเยซูเจ้าเสด็จมาบนผิวน้ำมุ่งหน้ามาทางพวกเขา แรกๆพวกเขาร้องกันเอ็ดอึง เพราะคิดว่าเห็นผี ก็ใครจะไปคิดว่ามีมนุษย์ธรรมดาคนใดคนหนึ่งมาเดินเล่นบนผิวน้ำที่เต็มไปด้วยระลอกคลื่นที่รุนแรงอย่างนั้นได้ แต่พระองค์ตรัสว่า "ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย"
เมื่อบอกว่าไม่ต้องกลัว และเป็นพระอาจารย์เอง พวกสานุศิษย์ก็ใจชื้นขึ้นมามาก เปโตรอยากลองเดินบนคลื่นดูบ้าง พระองค์ก็ทรงอนุญาต เปโตรก็เริ่มต้นได้สวย สายตาจ้องเป๋งไปที่พระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรงและเขาละสายตาไปจากพระองค์ เขารู้สึกเริ่มจมลง จึงขอให้ทรงช่วย "พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย" พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์มาจับเขา และพาเขามาในเรือ ลมก็สงบ
บางครั้งเราพบพายุแห่งชีวิต
บางครั้งเราพบพายุแห่งความเชื่อ
บางครั้งเราละสายตาไปจากพระเยซูเจ้า
บางครั้งเราท้อแท้อย่างถึงที่สุด
ขอให้เราภาวนาร้องขอต่อพระเยซูเจ้าด้วยคำของนักบุญเปโตรที่ว่า "พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย" แล้วเราจะพบว่าพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์มาให้เรา ถ้าเรายังมีความเชื่อน้อยเกินไป ก็ให้เราสวดภาวนามากขึ้น แล้วเราจะได้ยินเสียงว่า "ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวไปเลย"
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2008
Based on : Seasons of the Word ; by Denis McBride, C.SS.R.)