แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันเสาร์สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา (ปีคู่)

ยรม 26:11-16,24 / มธ 14:1-12  

ยรม 26:11-16,24 บรรดาสมณะและประกาศกจึงพูดกับเจ้านายและประชากรทุกคนว่า “ชายคนนี้ควรถูกประหารชีวิต เพราะเขาประกาศพระวาจากล่าวโทษเมืองนี้ ดังที่ท่านทั้งหลายได้ยินกับหูแล้ว” ประกาศกเยเรมีย์จึงตอบเจ้านายทุกคนและประชากรทั้งปวงว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาประกาศพระวาจากล่าวโทษพระวิหารและเมืองนี้ตามถ้อยคำทุกคำที่ท่านได้ยิน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงปรับปรุงความประพฤติและการกระทำของท่าน จงฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษท่านดังที่เคยตรัสไว้ ส่วนข้าพเจ้า ท่านก็เห็นแล้วว่าข้าพเจ้าอยู่ในมือของท่าน ท่านจงทำกับข้าพเจ้าตามที่ท่านเห็นดีเห็นชอบเถิด แต่จงรู้ไว้เถิดว่าถ้าท่านประหารชีวิตข้าพเจ้า ท่าน เมืองนี้ และชาวเมืองนี้ทุกคนจะต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของผู้บริสุทธิ์ เพราะโดยแท้จริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งข้าพเจ้ามาพูดถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดให้ท่านฟัง” บรรดาเจ้านายและประชากรทุกคนจึงพูดกับบรรดาสมณะและประกาศกว่า “ชายผู้นี้ไม่ควรถูกตัดสินประหารชีวิต เพราะเขาได้พูดกับเราในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา” แต่ประกาศกเยเรมีย์ได้รับการปกป้องจากอาคิคัมบุตรของชาฟาน จึงไม่ถูกมอบให้ประชาชนนำไปประหารชีวิต


ยรม 26:12-14 ประมาณ ปี 608 ก่อนคริสตกาลเป็นอีกครั้งที่เยเรมีย์ได้ทำนายถึงการปล้นสะดมที่กรุงเยรูซาเล็ม และการทำลายพระวิหารโดยการรุกรานของชาวต่างชาติ บรรดาผู้คนและกษัตริย์ต่างก็โกรธเคืองกับคำทำนายนี้ และต้องการประหารชีวิตเยเรมีย์เสีย แต่ไม่นานพวกเขาก็ได้ยกโทษและปล่อยให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไป กษัตริย์เยโฮยาคิมก็ต้องการประหารชีวิตเยเรมีย์ด้วย แบบเดียวกับที่ได้ทำกับอุรียาห์ประกาศกคนก่อน แต่เยเรมีย์ก็มีผู้ที่คอยปกป้องท่านอยู่

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)

 

มธ 14:1-12  เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า จึงตรัสกับข้าราชบริพารว่า “คนนี้คือยอห์นผู้ทำพิธีล้างที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังนั้นเขาจึงมีอำนาจทำอัศจรรย์ได้” กษัตริย์เฮโรดทรงสั่งให้จับกุมยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของ ฟีลิปพระอนุชา ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี” กษัตริย์เฮโรดต้องการจะฆ่ายอห์น แต่ทรงเกรงประชาชน เพราะประชาชนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก 6ในวันคล้ายวันประสูติของกษัตริย์เฮโรด บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสได้เต้นรำต่อหน้าแขกรับเชิญ เป็นที่พอพระทัยกษัตริย์เฮโรดอย่างยิ่ง พระองค์จึงทรงสัญญาและทรงสาบานจะประทานทุกสิ่งที่นางทูลขอ นางจึงทูลตามคำแนะนำที่ได้รับจากมารดาว่า “โปรดประทานศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้างใส่ถาดมาให้หม่อมฉันที่นี่เถิด” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์ แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะเห็นแก่ผู้รับเชิญ จึงทรงสั่งให้จัดการตามที่นางขอ กษัตริย์เฮโรดทรงส่งคนไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก เขาจึงนำศีรษะของยอห์นใส่ถาดมาส่งให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำไปให้มารดา บรรดาศิษย์ของยอห์นได้มารับศพไปฝัง แล้วแจ้งข่าวให้พระเยซูเจ้าทรงทราบ

 

ไตร่ตรองพระวาจา : คุณเคยรู้สึกถูกหลอกหลอนจากความล้มเหลวในอดีตหรือจากมโนธรรมที่รู้สึกผิดบ้างไหม กษัตริย์เฮโรดผู้ทรงอำนาจและมั่งคั่งที่สุดในแค้วนยูเดีย มีทุกสิ่งที่ต้องการ ยกเว้นมโนธรรมที่ชัดเจนและมีสันติกับพระเจ้า แต่เฮโรดมีความนับถือและยำเกรงยอห์นบัปติสต์ว่า เป็นประกาศกผู้ยิ่งใหญ่และผู้รับใช้ของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ยอห์นก็ไม่กลัวที่จะประณามการกระทำของเฮโรดที่เอาภรรยาของน้องชายมาเป็นภรรยาของตน ที่สุดยอห์นก็ต้องถูกจองจำในคุกด้วยความอิจฉาริษยาของนางเฮโรเดียส แต่ด้วยแรงกดดันและความความต้องการที่จะทำให้ครอบครัวและมิตรสหายพึงพอใจ เฮโรดจึงได้สั่งให้ตัดศีรษะของยอห์น ในตอนนี้มโนธรรมได้รบกวนเขาอีก เมื่อเขาได้ยินว่า ประชาชนต่างไปหาพระเยซูเจ้า เพื่อฟังคำเทศน์ของพระองค์ เรื่องการกลับใจ และดูกิจการที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ ตอนนี้เฮโรดเกิดความวิตกด้วยความคิดที่ว่าประกาศกที่เขาได้ฆ่าไปนั้นอาจฟื้นคืนชีพจากความตายก็เป็นได้