วันจันทร์สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา (ปีคู่)
บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 13:31-35)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งมีผู้นำไปหว่านในนา และเป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทั้งหลาย แต่เมื่อเมล็ดงอกขึ้นเป็นต้นแล้ว กลับมีขนาดโตกว่าต้นผักอื่นๆ และกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งนกในอากาศมาทำรังอาศัยบนกิ่งได้”พระองค์ยังตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้กับเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำมาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งทั้งหมดฟูขึ้น” พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องทั้งหมดนี้แก่ประชาชนเป็นอุปมา พระองค์ไม่ตรัสสิ่งใดกับเขาโดยไม่ใช้อุปมา ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกเป็นความจริงว่า เราจะเปิดปากกล่าวเป็นอุปมาเราจะกล่าวเรื่องที่ยังไม่เคยเปิดเผยตั้งแต่สร้างโลก
มธ 13:24-43 ข้าวละมานในอุปมาเรื่องนี้เปรียบได้กับผู้กระทำความชั่วที่ไม่ยอมสำนึกผิด และปฏิเสธการกลับใจ จนในที่สุดก็จะถูกกำจัดออกไป และถูกลงโทษ อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถมองข้าวละมานในมุมมองของความไม่สมบูรณ์ของเราเองด้วย พระศาสนจักรประกอบด้วยคนบาปที่ถูกเรียกให้พยายามต่อสู้กับความโน้มเอียงแห่งบาป เพื่อเจริญชีวิตตามแนวคุณค่าพระวรสาร พวกเขากำลังดำเนินอยู่บนหนทางแห่งความรอดพ้นและความศักดิ์สิทธิ์แล้ว เพียงแต่ยังไปไม่ถึงปลายทาง ในอุปมาเรื่องนี้ ทั้งข้าวละมานแห่งความบาป และข้าวสาลีที่ทำให้ศักดิ์สิทธิ์นั้น ล้วนรวมอยู่ในเราแต่ละคนไปจนกระทั่งวาระสุดท้าย การทำให้เกิดผลดีในตัวเรา อาศัยการฟังและการปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า คือตัวกำหนดความปรารถนาและความกระตือรือร้นของเราในการสร้างมิตรภาพอันแน่นแฟ้น กับพระคริสตเจ้าและการซื่อสัตย์ต่อคำสอนของพระองค์
Ccc ข้อ 827 “พระคริสตเจ้า ‘ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไร้มลทิน ไม่เปื้อนหมอง’ ไม่ทรงรู้จักบาป แต่เสด็จมาเพื่อชดเชยความผิดของประชากร พระศาสนจักรซึ่งโอบอุ้มคนบาปไว้ในอ้อมอก ก็ศักดิ์สิทธิ์และต้องชำระตนให้บริสุทธิ์อยู่เสมอพร้อมกันไปด้วย จึงดำเนินในหนทางการกลับใจและปรับปรุงตนอยู่เสมอ” สมาชิกทุกคนของพระศาสนจักร รวมทั้งศาสนบริกรด้วย จึงต้องยอมรับว่าตนเป็นคนบาป ในทุกคนล้วนยังมีบาปซึ่งเป็น เสมือนข้าวละมานปะปนอยู่กับเมล็ดข้าวที่ดีคือพระวรสารตลอดไปจนสิ้นพิภพ พระศาสนจักรจึงรวมคนบาปที่ถูกความรอดพ้นของพระคริสตเจ้าจับตัวไว้แล้ว แต่ยังดำเนินอยู่ในหนทางไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ พระศาสนจักร “จึงศักดิ์สิทธิ์ แม้ยังโอบอุ้มคนบาปไว้ในอ้อมอกของตน เพราะพระศาสนจักรเองก็ยังไม่มีชีวิตอื่นนอกจากชีวิตของพระหรรษทาน ซึ่งถ้าสมาชิกของพระศาสนจักรรับการหล่อเลี้ยงจากพระหรรษทานนี้ก็มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าปลีกตนออกไปจากพระหรรษทานนี้ เขาก็ตกในบาปและมีวิญญาณที่แปดเปื้อนซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ความศักดิ์สิทธิ์ฉายแสงสว่างของตนได้ ดังนั้นพระศาสนจักรจึงมีความทุกข์และชดเชยความผิดเหล่านี้ที่พระศาสนจักรมีอำนาจช่วยบุตรของตนให้พ้นจากบาปเหล่านี้อาศัยพระโลหิตของพระคริสตเจ้าและพระพรของพระจิตเจ้า”
มธ 13:33 เชื้อแป้ง เป็นผงยีสต์หรือผงฟูที่ใช้ในปริมาณน้อย แต่เมื่อได้ผสมเข้ากับแป้งแล้ว จะทำให้ขนมปังทั้งก้อนนั้นฟูขึ้น คริสตชนก็เช่นกันเปรียบได้กับเชื้อแป้งมีผลต่อโลก อาศัยการประกาศข่าวดีและความรักของพระเจ้าให้แก่มนุษย์ทุกคน
Ccc ข้อ 897 คำว่า “ฆราวาส” หมายถึงทุกคนผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้า นอกจากผู้ได้รับศีลบวชขั้นใดขั้นหนึ่งและผู้อยู่ในสถานะนักพรตในพระศาสนจักร นั่นคือผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าผู้ร่วมในพระวรกายกับพระคริสตเจ้าโดยศีลล้างบาป มีส่วนในบทบาทสมณะ ประกาศก และกษัตริย์ของพระคริสตเจ้าตามวิธีการของตน และปฏิบัติพันธกิจของประชากรคริสตชนทั้งหมดในพระศาสนจักรและในโลกตามส่วนของตน”
Ccc ข้อ 898 “โดยกระแสเรียกเฉพาะของตน บรรดาฆราวาสมีหน้าที่แสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าโดยปฏิบัติและจัดการกิจการทางโลกตามพระประสงค์ของพระเจ้า […] กิจกรรมทางโลกทุกอย่างจึงเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับบรรดาฆราวาสซึ่งมีความสัมพันธ์กับเรื่องเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เขาต้องอธิบายความหมายและจัดการให้กิจกรรมเหล่านี้ดำเนินไปและพัฒนายิ่งขึ้นตลอดเวลาตามแผนของพระคริสตเจ้าและเป็นการสรรเสริญพระผู้สร้างและพระผู้กอบกู้”
Ccc ข้อ 899 บรรดาคริสตชนฆราวาสมีหน้าที่เป็นพิเศษที่จำเป็นจะต้องริเริ่มงานถ้าเป็นเรื่องของการค้นคว้าหาให้พบวิธีการต่างๆ เพื่อทำให้คำสอนและชีวิตคริสตชนแทรกซึมเข้าไปในสภาพความเป็นอยู่ด้านสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ การริเริ่มเหล่านี้เป็นองค์ประกอบชีวิตของพระศาสนจักรตามปกติ “บรรดา คริสตชนผู้มีความเชื่อ โดยเฉพาะบรรดาฆราวาส อยู่ในแนวหน้าชีวิตของพระศาสนจักร อาศัยพวกเขานี้แหละพระศาสนจักรจึงเป็นหลักการชีวิตของสังคมมนุษย์ ดังนั้น เขาเหล่านี้โดยเฉพาะจึงต้องสำนึกอยู่เสมอให้ชัดเจนยิ่งๆ ขึ้นว่าตนไม่เพียงแต่อยู่ในพระศาสนจักรเท่านั้น แต่เป็นพระศาสนจักรนั่นคือ เป็นชุมชนคริสตชนในโลกภายใต้ปกครองของผู้เป็นพระประมุขร่วมกัน นั่นคือสมเด็จพระสันตะปาปาและบรรดาพระสังฆราชผู้มีความสัมพันธ์กับพระองค์เขาทั้งหลายเป็นพระศาสนจักร”
Ccc ข้อ 900 บรรดาฆราวาสโดยอำนาจของศีลล้างบาปและศีลกำลังได้รับมอบหมายงานธรรมทูตเช่นเดียวกับคริสตชนผู้มีความเชื่อทุกคน เขามีหน้าที่และสิทธิทั้งเป็นการส่วนตัวและเมื่อร่วมกันเป็นหมู่ คณะมนุษย์ทุกคนทั่วโลกจะต้องรู้และยอมรับว่าเขาเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมา บอกข่าวความรอดพ้นให้ทราบ หน้าที่นี้ยิ่งเร่งรัดมากขึ้นเพราะมวลมนุษย์จะได้ยินพระวรสารและรู้จักพระคริสตเจ้าได้ผ่านทางพวกเขาเท่านั้น กิจกรรมของเขาในชุมชนของพระศาสนจักร จึงจำเป็นจนกระทั่งว่าถ้าไม่มีกิจกรรมนี้แล้ว งานธรรมทูตของบรรดาผู้อภิบาลส่วนใหญ่ก็จะไม่อาจบรรลุถึงประสิทธิผลสมบูรณ์ได้
Ccc ข้อ 901 “บรรดาฆราวาส ในฐานะที่ถวายตนแด่พระคริสตเจ้าและได้รับเจิมจากพระจิตเจ้า ย่อมได้รับเรียกและสั่งสอนเป็นพิเศษให้บังเกิดผลของพระจิตเจ้าอย่างอุดมสมบูรณ์ในตนอยู่เสมอ กิจการทุกอย่างที่เขาทำ การอธิษฐานภาวนา และงานธรรมทูต การดำเนินชีวิตสมรสและครอบครัว การงานประจำวัน การพักผ่อนจิตใจและร่างกาย ถ้าทำในพระจิตเจ้า ยิ่งกว่านั้น ความทุกข์ยากของชีวิตที่ต้องรับทนด้วยความพากเพียร ก็กลายเป็นเครื่องบูชาฝ่ายจิตซึ่งเป็นที่สบพระทัยพระเจ้าเดชะพระเยซูคริสตเจ้า (เทียบ 1 ปต 2:5) ซึ่งถวายอย่างศรัทธายิ่งในพิธีบูชาขอบพระคุณแด่พระบิดาพร้อมกับการถวายพระวรกายขององค์พระผู้เป็นเจ้าและดังนี้บรรดาฆราวาสในฐานะผู้ประกอบพิธีถวายคารวะอย่างศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั่วทุกแห่งหนจึงถวายโลกทั้งหมดแด่พระเจ้า”
Ccc ข้อ 902 ด้วยวิธีเฉพาะเป็นพิเศษ บรรดาบิดามารดาย่อมมีส่วนบทบาทใน “การบันดาลความศักดิ์สิทธิ์โดยดำเนินชีวิตสามีภรรยาด้วยจิตตารมณ์ของพระคริสตเจ้าและจัดให้บรรดาบุตรได้รับการศึกษาอบรมแบบคริสตชน”
Ccc ข้อ 903 บรรดาฆราวาส ถ้ามีคุณสมบัติตามกำหนด อาจรับอนุญาตให้ปฏิบัติศาสนบริการผู้อ่านพระคัมภีร์และผู้ช่วยพิธีกรรมเป็นการถาวรได้ “ในที่ๆ พระศาสนจักรมีความจำเป็นเรียกร้อง ถ้าไม่มี ศาสน บริกรแม้บรรดาฆราวาสที่ไม่เป็นผู้อ่านพระคัมภีร์หรือผู้ช่วยพิธีกรรมก็อาจปฏิบัติหน้าที่แทนเขาเหล่านี้ได้ นั่นคือศาสนบริการด้านพระวาจา เป็นผู้นำการภาวนาตามพิธีกรรม ประกอบพิธีศีลล้างบาปและแจกศีลมหาสนิทได้ตามข้อกำหนดของกฎหมาย”
Ccc ข้อ 928 “สถาบันที่ดำเนินชีวิตแบบฆราวาสเป็นสถาบันชีวิตที่ถวายตนแด่พระเจ้า ซึ่งคริสตชนผู้มีความเชื่อที่ดำเนินชีวิตในโลกมุ่งแสวงหาความรักที่สมบูรณและมุ่งทำให้โลกมีความศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะจากชีวิตภายใน”
Ccc ข้อ 929 สมาชิกของสถาบันเหล่านี้ “ดำเนินชีวิตถวายตนแด่พระเจ้าและบำเพ็ญความศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์” “มีส่วนร่วมงานประกาศข่าวดีของพระศาสนจักรในโลกและจากโลก” ที่ซึ่งความเป็นอยู่ของเขาทำหน้าที่เป็นเหมือนเชื้อแป้ง การดำเนินชีวิตคริสตชนเป็นพยานของเขาเหล่านี้มีเจตนาที่จะจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ที่ไม่จีรังยั่งยืนและเพื่อทำให้โลกได้รับอิทธิพลของพระวรสารตามแผนการณ์ของพระเจ้า เขาเหล่านี้รับคำแนะนำของพระวรสารมาผูกมัดตนเองและดำเนินชีวิตร่วมกันเสมือนพี่น้องอย่างสอดคล้องกับวิถีชีวิตทางโลกเฉพาะของเขา
Ccc ข้อ 930 นอกจากรูปแบบต่างๆ ของชีวิตถวายตนแด่พระเจ้าแล้ว “ยังมีคณะผู้ดำเนินชีวิตธรรมทูตที่บรรดาสมาชิกปฏิบัติงานธรรมทูตเฉพาะของคณะโดยไม่ปฏิญาณตนดังเช่นบรรดานักพรต และดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้องตามรูปแบบเฉพาะของตน มุ่งสู่ความรักที่สมบูรณ์โดยปฏิบัติตามธรรมนูญ ในบรรดาคณะเหล่านี้มีคณะที่สมาชิกนำคำแนะนำของพระวรสารมาปฏิบัติ” ตามธรรมนูญของตน
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)