แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันจันทร์สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา (ปีคู่)

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 12:38-42)

เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวกเราต้องการเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ประการหนึ่งจากท่าน” พระองค์ทรงตอบว่า “คนชั่วร้ายและไม่ซื่อสัตย์ต้องการเห็นเครื่องหมายรึ จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น เว้นแต่เครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวันสามคืนฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น ในวันพิพากษา ชาวเมืองนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมื่อได้ฟังคำเทศน์ของโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้ จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก”


มธ 12:39-40 การกลับคืนชีพจากความตายของพระคริสตเจ้า คือเครื่องหมายแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์เหนือบาปและความตาย

Ccc ข้อ 994  ยิ่งกว่านั้น พระเยซูเจ้ายังทรงรวมความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพไว้กับพระบุคคลของพระองค์เองด้วย “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต” (ยน 11:25) พระเยซูเจ้าพระองค์เองจะทรงบันดาลให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์กลับคืนชีพในวันสุดท้าย รวมทั้งผู้ที่กินพระกายและดื่มพระโลหิตด้วยพระองค์ประทานเครื่องหมายและประกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อทรงคืนชีวิตให้แก่ผู้ตายบางคน และดังนี้ก็ทรงแจ้งล่วงหน้าถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ด้วยแม้ว่าการนี้จะอยู่ในอีกระดับหนึ่ง พระองค์ตรัสถึงเหตุการณ์พิเศษนี้เช่นเดียวกับเมื่อตรัสถึงเครื่องหมายของประกาศกโยนาห์ ถึงเครื่องหมายเรื่องพระวิหาร พระองค์ทรงแจ้งล่วงหน้าถึงการกลับคืนพระชนมชีพที่จะเกิดขึ้นในวันที่สามหลังจากที่จะทรงถูกประหารชีวิต


 มธ 12:38-42  เครื่องหมายของประกาศกโยนาห์...หัวใจของโลก พระคริสตเจ้า ทรงเล่าเรื่องนี้เพราะทรงต้องการกล่าวเชื่อมโยงกับการกลับคืนชีพจากความตายของพระองค์ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์...ยิ่งใหญ่กว่าซาโลมอนเสียอีก ทรงกล่าวอ้างถึงพระองค์เองว่า ที่นี่มีสิ่งยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารเสียอีก (เทียบ มธ 12:6) พระคริสตเจ้าทรงประกาศเอกลักษณ์แห่งการเป็นพระเจ้าของพระองค์ในเรื่องการพิพากษานั้น : เมื่อถึงวาระสุดท้ายพระคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตาย ผู้ที่ปฏิเสธพระองค์จะต้องพบกับการลงโทษชั่วนิรันดร์ บาปที่ถูกปล่อยปละละเลยจะนำไปสู่ความบาปที่ยิ่งใหญ่กว่า ถ้าคนในยุคปัจจุบันไม่ใส่ใจต่อการเรียกให้กลับใจก็จะส่งผลให้ความชั่วร้ายฝังลึกมากยิ่งขึ้นและจะทำให้เกิดการกลับใจยากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยเช่นกัน

 Ccc ข้อ 590 ถ้าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าจริงๆ เท่านั้น พระองค์จึงทรงอาจเรียกร้องได้อย่างเต็มที่ว่า“ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ย่อมเป็นปฏิปักษ์กับเรา” (มธ 12:30) เช่นเดียวกับเมื่อตรัสว่าทรง “ยิ่งใหญ่กว่าประกาศกโยนาห์ […] ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอน” (มธ 12:41-42) หรือยิ่งใหญ่กว่าพระวิหาร เมื่อทรงชวนให้ระลึกว่ากษัตริย์ดาวิดทรงเรียกพระเมสสิยาห์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ของพระองค์ เมื่อทรงยืนยันว่า “ก่อนอับราฮัมจะเกิด เราเป็น” (ยน 8:58) และยังตรัสอีกว่า “เรากับพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกัน” (ยน 10:30)

 Ccc ข้อ 627 การสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าเป็นความตายจริงๆ ที่ทำให้ความเป็นอยู่ของพระองค์ในโลกนี้จบลง แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ที่พระบุคคลของพระบุตรมีอยู่กับพระวรกาย พระวรกายจึงไม่เหมือนศพมนุษย์ทั่วไป เพราะ “ความตายยึดพระองค์ไว้ใต้อำนาจอีกต่อไปไม่ได้” (กจ 2:24) ดังนั้น “พระอานุภาพของพระเจ้าจึงรักษาพระวรกายของพระคริสตเจ้าไว้มิให้เน่าเปื่อย” เราอาจกล่าวถึงพระคริสตเจ้าได้ทั้ง “เขาถูกพรากไปจากแผน่ ดินของผู้มีชีวิต” (อสย 53:8) และ “ร่างกายของข้าพเจ้าพำนักอยู่ในความหวัง เพราะพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนผู้ตาย และจะไม่ทรงปล่อยผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้เน่าเปื่อย” (กจ 2:26-27) การกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า “ในวันที่สาม” (1 คร 15:4; ลก 24:46) เป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้ เพราะมักจะคิดกันว่าความเปื่อยเน่ามักปรากฏตั้งแต่วันที่สี่

 Ccc ข้อ 635 พระคริสตเจ้ เสด็จลงไปยังส่วนลึกของความตาย5 เพื่อ “บรรดาผู้ตาย” จะได้ยิน “พระ สุรเสียงของพระบุตรพระเจ้า และผู้ที่ได้ยินแล้วจะมีชีวิต” (ยน 5:25) พระเยซูเจ้า “เจ้าชีวิต” “โดยการสิ้นพระชนม์” ได้ทรงทำลาย “มารผู้มีอำนาจเหนือความตายลงได้” และทรงปลดปล่อย“ผู้ตกเป็นทาสอยู่ตลอดชีวิตเพราะความกลัวตาย” ให้เป็นอิสระ (ฮบ 2:14-15) ต่อจากนั้นพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจึงทรง “มีอำนาจเหนือความตายและเหนือแดนผู้ตาย”(วว 1:18) และ “ทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพจะย่อเข่าลงนมัสการพระนามเยซูนี้” (ฟป 2:10) “วันนี้ในแผ่นดินมีความเงียบยิ่งใหญ่ ต่อจากความเงียบยิ่งใหญ่ก็มีแต่ความอ้างว้างวังเวง มีความเงียบยิ่งใหญ่ก็เพราะพระมหากษัตริย์ทรงพระบรรทม แผ่นดินตกใจกลัวและสงบเงียบ เพราะพระเจ้าผู้ทรงพระกายทรงพระบรรทม และทรงปลุกผู้ที่หลับอยู่ตั้งแต่สร้างโลกมา […] ใช่แล้ว พระองค์เสด็จไปหาบิดามารดาเดิมประหนึ่งเสด็จตามหาแกะที่หลงไป ทรงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเสด็จเยี่ยมผู้พำนักอยู่ในความมืดและในเงาความตาย ก่อนอื่นใด พระองค์เสด็จไปปลดปล่อยอาดัมผู้ถูกจองจำให้พ้นจากความทุกข์ พร้อมกับเอวาผู้ถูกจองจำ – พระองค์ผู้ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและเป็นลูกหลานของเขา […] (ตรัสว่า) ‘เราคือพระเจ้าของท่าน ซึ่งกลับเป็นบุตรของท่านเพราะท่าน […] ท่านซึ่งกำลังหลับอยู่ จงตื่นเถิดเพราะเราได้เนรมิตสร้างท่าน ไม่ใช่เพื่อให้ท่านถูกจองจำในแดนมรณะ จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตายเถิดเราเป็นชีวิตของบรรดาผู้ตาย’”

 Ccc ข้อ 678 ในการเทศน์สอนประชาชน พระเยซูเจ้าทรงประกาศถึงการพิพากษาในวาระสุดท้ายตามแบบของบรรดาประกาศก และยอห์นผู้ประกอบพิธีล้าง ในเวลานั้นวิธีดำเนินชีวิตของแต่ละคนและความลับในใจจะถูกเปิดเผยแจ้งชัด เวลานั้น ความไม่เชื่ออย่างผิดๆ ที่คิดว่าพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานให้นั้นไม่มีค่าอะไรจะถูกพิพากษาลงโทษ ท่าทีของเราต่อพี่น้องเพื่อนมนุษย์จะเปิดเผยให้เห็นว่าเรารับหรือผลักไสไม่ยอมรับพระหรรษทานและความรักของพระเจ้า ในวันสุดท้าย พระเยซูเจ้าจะตรัสว่า “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ตํ่าต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40)

 Ccc ข้อ 679 พระคริสตเจ้าทรงเป็นเจ้านายของชีวิตนิรันดร ในฐานะพระผู้กอบกู้โลก พระองค์ทรงมีสิทธิเต็มที่ที่จะพิพากษาการกระทำและความคิดในใจของมนุษย์อย่างเด็ดขาด พระองค์ “ทรงได้สิทธิ” นี้มาโดยไม้กางเขนของพระองค์ พระบิดายัง “ทรงมอบการพิพากษาทั้งหมดให้ พระบุตร” ด้วย (ยน 5:22) พระบุตรเสด็จมามิใช่เพื่อตัดสินลงโทษ แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นและเพื่อประทานชีวิตที่ทรงมีให้(แก่โลก)ผู้ที่ไม่ยอมรับพระหรรษทานในชีวิตนี้ก็พิพากษาตัดสินตนเองแล้ว เขาจะรับผลตามงานที่เขาทำ และถ้าเขาปฏิเสธไม่ยอมรับพระจิตเจ้าแห่งความรักเขาก็ยังจะตัดสินลงโทษตนเองตลอดนิรันดรด้วย

 Ccc ข้อ 994 ยิ่งกว่านั้น พระเยซูเจ้ายังทรงรวมความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพไว้กับพระบุคคลของพระองค์เองด้วย “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต” (ยน 11:25) พระเยซูเจ้าพระองค์เองจะทรงบันดาลให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์กลับคืนชีพในวันสุดท้าย รวมทั้งผู้ที่กินพระกายและดื่ม พระโลหิตด้วยพระองค์ประทานเครื่องหมายและประกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อทรงคืนชีวิตให้แก่ผู้ตายบางคนและดังนี้ก็ทรงแจ้งล่วงหน้าถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ด้วยแม้ว่าการนี้จะอยู่ในอีกระดับหนึ่ง พระองค์ตรัสถึงเหตุการณ์พิเศษนี้เช่นเดียวกับเมื่อตรัสถึงเครื่องหมายของประกาศกโยนาห์ ถึงเครื่องหมายเรื่องพระวิหาร พระองค์ทรงแจ้งล่วงหน้าถึงการกลับคืนพระชนมชีพที่จะเกิดขึ้นในวันที่สามหลังจากที่จะทรงถูกประหารชีวิต