ยน 16:23ข-26…
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดา
พระองค์จะประทานให้ท่านในนามของเรา
24จนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย
จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ
เพื่อความยินดีของท่านจะสมบูรณ์
25เราใช้อุปมาบอกเรื่องเหล่านี้กับท่าน
จะถึงเวลา
ที่เราจะไม่ใช้อุปมาพูดกับท่านอีก
แต่จะบอกถึงพระบิดาของเราให้ท่านรู้อย่างชัดแจ้ง
26วันนั้น
ท่านจะขอในนามของเรา
เราไม่บอกท่านว่า เราจะขอพระบิดาเพื่อท่าน
อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “อาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้า และในพระคริสตเจ้า” นี่คือบทภาวนายอพระเกียรติท้ายบทขอบพระคุณในบูชามิสซา... เราก็นิยมร้องด้วย ใช้กันมาเป็นพันปีในภาษาลาตินและภายหลังก็ภาษาต่างๆ ทั่วโลก พ่อคิดว่า ทุกภาษาในโลกที่มีคริสตชนคาทอลิก... เราใช้คำ “ยอพระเกียรติ” นี้ ที่ภาษาลาตินเรียกว่า “Doxology” จากรากภากรีกคือ “ด๊อคซา” แปลว่า “พระสิริ ความรุ่งโรจน์” ภาษาที่เราแปลไว้คือ “ยอพระเกียรติ”
• พี่น้องเคยเห็นความสำคัญของบทนี้ใช่ไหม... ในบูชามิสซาพระสงฆ์หลังภาวนาเสกศีลแล้ว พระสงฆ์ภาวนา และลงท้าย โดยยกจานแผ่นปังที่เพิ่งเสกใหม่และกาลิกส์บรรจุเหล้าองุ่นที่เพิ่งเสก นั่นคือ ยกพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า และพระสงฆ์ ก็ภาวนายอพระเกียรติท้ายบทนี้...
• บ่อยๆ เราร้องเป็นเพลงเพื่อความสง่างามสมพระเกีรยติที่ต้องยกย่องพระกายและพระ โลหิตหรือยกย่องสูงสุดที่การสิ้นพระชนม์เพราะความรักของพระเยซูคริสตเจ้า เพราะพระองค์คือบ่อเกิดและจุดสูงสุดของชีวิต ขอความรู้จักพระเจ้า เป็นพระองค์ อาศัยพระองค์ ทางพระองค์และในพระองค์ เราได้รู้และได้สัมผัสความรักของพระเจ้าพระบิดา...
• นี่คือข้อความจริงที่เราได้รับเปิดเผยในพระคัมภีร์จริงๆ
o ไม่มีการเปิดเผยพระบิดานอกจากในพระคัมภีร์... ไม่มีครับ
o ไม่มีการใดๆจากพระบิดาโดยไม่ผ่านทางพระบุตร... นอกจากเสียงของพระบิดาที่ประกาศถึงพระบุตรของพระองค์ นอกพระคัมภีร์ พระวาจาวันนี้ยืนยันชัดเจน... พระบิดาจะไม่ตรัสโดยไม่ผ่านทางพระบุตร พระบุตรซึ่งอยู่ในพระอุระของพระบิดาตั้งแต่นิรันดร์ พระบุตรคือพระวาจานิรันดร์ คือ พระวจนาตถ์ (the Word, Logos) พระเยซูคือจุดศูนย์กลางและสรุปรวมทุกอย่างของการเผยแสดงของพระบิดาเจ้า
o เคยสังเกตไหมว่า เวลาที่เราวอนภาวนาขอพระบิดาเจ้า ร้องหาพระบิดาเจ้า... ทุกครั้งที่พระสงฆ์ภาวนา หรือการภาวนาในนามของพระศาสนจักรภาวนาถึงพระเจ้าพระบิดา... เราเคยสังเกตไหมว่า เราเมื่อจบลงท้ายการภาวนา... คำภาวนานั้นๆ เราต้องลงท้ายด้วยประโยคที่ว่า “เราวอนขอทั้งนี้ อาศัยพระบารมีพระคริสตเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย” เห็นไหมว่าเราจะต้องขอพระบิดาผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า
o เพราะในพระคัมภีร์ เรารู้จักพระบิดาโดยทางพระบุตร เรารู้จักพระจิตเจ้า ก็โดยทางการเผยแสงและประทานพระจิตเจ้าขององค์พระบุตร พระบุตรซึ่งเป็นพระวาจาของพระเจ้าเปิดเผยให้เราได้รู้จักพระบิดา และพระองค์ได้ตรัสกับบรรดาศิษย์ของพระองค์... “ไม่มีใครไปหาพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา”
• “จนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ เพื่อความยินดีของท่านจะสมบูรณ์”
o ดังนั้น โดยอาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้า และในพระคริสตเจ้า... เราได้เรียนรู้แท้จริงๆว่า เราเป็น “คริสตชน” นะครับ หมายความว่า คนของพระคริสตเจ้า ผู้เชื่อศรัทธาในพระคริสตเยซูพระบุตรของพระเจ้าจริงๆ
o ไม่มีการแอบอ้างว่าเราสามารถไปถึงพระบิดา ฟังเสียงพระบิดา โดยตรงได้เลย ติดต่อพระบิดาโดยตรงได้เลย เพราะบิดาเรารู้จักโดยทางพระบุตร และพระบิดาก็ประกาศว่า “นี่คือบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” (ดู มก 9:2-8) โดยไม่ผ่านพระเยซู เพราะพระบิดาเจ้า พระจิตเจ้า เราก็รู้จักโดยผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์นี้ครับ... ดังนั้น เราต้องเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ เข้าใจความเชื่อ ศรัทธาและรักความเชื่อ...ไม่ติดกับความหลงงมงายและดื้อ... ความเชื่อแท้ต้องมีแก่นที่ถูกต้องจริงๆ ความจริงจริงๆ ที่พ่อเน้นเมื่อสองวันก่อน
• น่าเสียดาย และน่าเป็นห่วงครับ... “ความเชื่อ กับความหลงงมงาย มันคล้ายกันมากๆ เหมือนความรักกับความเห็นแก่ตัว” ความเชื่อแท้ต้องมีเนื้อหาที่แท้จริง... ความหลงก็อารมณ์เดียวกันบ่อยครั้งแรงกว่ามากด้วย ดื้อจนด้านด้วย แต่เนื้อที่เชื่อนั้นมันเท็จเทียม เทียมแท้ เหมือนจริงๆ ยึดติด เหตุผลดีแต่อธิบายไม่ได้ คนเราถ้าเชื่ออะไรแท้จริงจะน่ารัก น่านับถือ ไม่ก่อนความแตกแยกรุนแรง ไม่บ้าคลั่ง ผลออกมาเป็นความรักเมตตา ความชื่นชม ความสงบ (เน้นสงบ.. ไม่กรี๊ดๆๆร้องเหมือนบ้านคลั่ง) ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ (บ่อยครั้ง ความหลงผิด มักจะมีเรื่องผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ความหลงไปเชื่อ แห่กันไปเชื่อ... มักจะต้องมีค่าเจ้าค่าครูค่าเส้นค่าไหว ค่าของ ฯลฯ) ต้องมีความอดทน และที่สำคัญมากๆ ต้อง “รู้จักควบคุมตนเอง” คือ ไม่รุนแรง ไม่ก้าวร้าวหาเรื่องทำร้ายทั้งทางสื่อและทางกาย...
• ความเชื่อแท้เป็นเช่นนั้นครับ.... ศาสนาคริสตของเราถูกทดสอบความเชื่อศรัทธามาเป็นพันปี และก่อนหน้านั้นในพันธสัญญาเดิมอีกรวมแล้วสี่พันกว่าปี และพระคัมภีร์ก็กล่าวถึงการสร้างหรือบ่อเกิดของสิ่งต่างๆว่ามาจากพระเจ้า ไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง... ศรัทธาแสนดี แสนยาวนาน และนำมนุษย์มากมายให้อ่อนโยน เมตตา รัก จนเป็นนักบุญมากๆมาย และเป็นนักบุญในชีวิตจริงแม้ไม่ได้รับการประกาศอีกเกือบทุกคนที่รักพระเจ้า ผ่านทางการรู้จักพระเยซูคริสตเจ้า หนังมากมาย กลุ่มต่างๆ แม้แต่พวกที่ “หลง และคิดว่า เชื่อ” พยายามทำลายจุดอ่อนของความเป็นมนุษย์ของสมาชิกพระศาสนจักร แต่ไม่เคยทำร้ายพระคริสตเจ้าได้เลย ความเชื่อในพระองค์ มันคงนิรันดร์ และไม่หวั่นไหว ยิ่งถูกเบียดเบียนยิ่งเติบโต ตรงข้าม สบายไปก็ฟุ้งซ่านเกิดนั่นเกิดนี่มาสั่นคลอน แต่ความเชื่อแท้ก็ได้รับการขัดฝนอบรมและเพาะบ่มต่อไป รักต่อไป เมตตา ต่อไป และศาสนาของเราเมตตามาก รักมาก โดยเฉพาะแกะหลงทาง อยากพากลับบ้านเสมอ นี่คือจิตตารมณ์ของพระเยซูอีกเช่นกัน...
• ดังนั้น เรามั่นใจ สบายใจ เรามีพระเจ้าพระบิดา..ที่เราได้รู้จักโดยทางพระเยซู เรามีพระบิดา ไม่เป็นกำพร้า และมีพี่ชายที่แสนดีคือพระเยซู... ขอบคุณพระองค์ และพระองค์ยังประทานพระจิตเจ้าให้เราเพื่อเป็นพลังแห่งความจริงและสัจจะอีก ทั้งความรักตลอดไป สบายใจ สุขใจจริงๆ เมื่อเราเชื่อในพระองค์ เป็นคริสตชนแท้จริง ศรัทธาในพระคริสตเจ้า หนทาง ความจริง และชีวิต นำเราไปสู่พระบิดาและครอบครัวของพระเจ้า คือ เรากับพี่น้องทุกคน...
• จำไว้นะ เมื่อใดเราขัดกับพี่น้อง เราเกลียดชัง หรือสาบแช่งพี่น้อง... เราไม่ได้มีพระเจ้าองค์ความรักเลยจริงๆ มีแต่ความหลงและอวิชาจริงๆ... ดังนั้น น่ารักเสมอ รักเสมอ เพราะเราลูกพระ เชื่อในพระองค์ เราไม่ใช่ลูกผีครับ.. แต่ผีมันก็จ้องเสนอตัวให้เราหลง และเป็นเหมือนพวกมัน ในความเกลียดชัง ในความโลภ หลงเสมอเช่นกัน... สู้ๆครับ สู้ด้วยรักนิรันดร์