ยน 12:44-50…
44พระเยซูเจ้าตรัสเสียงดังว่า
“ผู้ที่เชื่อในเรา
ไม่ได้เชื่อในเราเท่านั้น
แต่ยังเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามาด้วย
45ผู้ที่เห็นเรา
ก็เห็นพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา
46เราเข้ามาในโลกเป็นแสงสว่าง
เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อในเราไม่อยู่ในความมืด
47ผู้ใดได้ยินวาจาของเรา แล้วไม่ปฏิบัติตาม
เราไม่ตัดสินลงโทษเขา
เพราะเราไม่ได้มาเพื่อตัดสินลงโทษโลก
แต่มาเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้น
48ผู้ที่ไม่ยอมรับเรา และไม่ยอมรับวาจาของเรา
ก็มีผู้ตัดสินลงโทษเขาแล้ว
วาจาที่เราได้กล่าวนั้น
จะตัดสินลงโทษเขาในวันสุดท้าย
49เพราะเรามิได้พูดตามใจของเรา
แต่พระบิดาผู้ทรงส่งเรามา
ได้ทรงบัญชาว่าเราต้องพูดอะไร และพูดอย่างไร
50เรารู้ว่า พระบัญชาของพระองค์เป็นชีวิตนิรันดร
ดังนั้น สิ่งที่เราพูด
เราก็พูดดังที่พระบิดาตรัสกับเรา”
อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “ผู้ที่เชื่อในเรา ไม่ได้เชื่อในเราเท่านั้น แต่ยังเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามาด้วย ผู้ที่เห็นเราก็เห็นพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เราเข้ามาในโลกเป็นแสงสว่าง เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อในเราไม่อยู่ในความมืด”
o “เชื่อใน” (to believe in…) คำนี้เป็นคำที่มีความหมายมากๆ พ่อต้องอธิบายอย่างดีๆตามเจตนาของยอห์นในพระวรสารเลยครับ คำว่า “ผู้ที่เชื่อใน” เราได้เห็นในพระวรสารโดยท่านนักบุญยอห์นตั้งแต่แรกเริ่มพระวรสารแล้ว และอันที่จริง พระวรสารทั้งหมดที่เขียนไว้เพื่ออะไรพี่น้องทราบไหมครับ... คำตอบที่ตรงๆคือพระสารทั้งหมดเขียนไว้เพื่อเราผู้ได้อ่านจะได้ รู้จัก ได้รัก และได้เชื่อในพระเยซูเจ้า นี่คือข้อเท็จจริงที่สุดแล้วครับ
o พระวรสาร พระวาของพระเจ้าเขียนไว้เพื่อทุกคนที่ได้อ่าน ได้พบ ได้ฟัง และได้สัมผัสจะได้พบปะกับพระคริสตเจ้า โดยผ่านทางพระวาจาของพระองค์ เราสามารถรู้จักบุคคลได้จากคำพูดของเขา... ดังนั้น พระวาจาของพระเจ้า จากพระคัมภีร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพระวรสาร จะทำให้เราได้สัมผัสพระเจ้าพระบิดาโดยผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า.. จะได้รักและได้เชื่อในพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสวันนี้ในพระวรสารตอนนี้ชัดเจนเหลือเกิน...ชัดสุดๆแล้วครับ “เพราะเรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้ทรงส่งเรามา ได้ทรงบัญชาว่าเราต้องพูดอะไร และพูดอย่างไร เรารู้ว่า พระบัญชาของพระองค์เป็นชีวิตนิรันดร ดังนั้น สิ่งที่เราพูดเราก็พูดดังที่พระบิดาตรัสกับเรา”
o พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์ “เท่านั้น เท่านั้นจริงๆ” ที่จะทำให้เราได้พบปะกับพระบุคคลของพระเยซูเจ้าได้อย่างแท้จริง ไม่หลงไป ไม่คลั่งผิดทางหรือหลงผิดครับ... และที่สำคัญมาก ผ่านทางพระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระวรสาร เราจะได้รักและได้ “เชื่อใน” พระเยซูเจ้า
• พ่อคิดว่า ถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่เราจะหลงรักพระองค์ เชื่อในพระองค์ ถึงเวลาหรือยังที่เราจะได้ให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นที่รู้จักแก่เราจริง... พ่อชอบคำของข้อเสนอสมัชชาฯ ที่เราเพิ่งสมัชชาใหญ่จบไป สมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ค.ศ. 2015 ข้อหนึ่งเป็นข้อเสนอที่ชัดเจนตรงไปตรงมาและทำให้พ่ออยากทำงานเพื่อประกาศ ข่าวดี และใช้พระวาจา สอนกันและกันให้ใช้พระวาจาให้มากขึ้นไปอีกครับ ข้อเสนอสมัชชาฯย้ำว่า พวกเราทุกคนคาทอลิก เรายังรู้จักและใช้พระคัมภีร์น้อยเกินไป... เราใช้ เราอ่าน เราไตร่ตรองศึกษาพระวาจาของพระเจ้าน้อยเกินไปจริงๆ... พ่อคิดว่าถึงเวลาที่พ่อจะชวนทุกคนให้เข้าถึงความจริงที่ว่า “ใครไม่รู้จักพระคัมภีร์ ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” (นักบุญเยโรม) พ่อคิดว่านี่คือความจริงแน่นอน
• พี่น้องที่รัก...
o พี่น้องรู้จักพระเยซู รักพระเยซู พ่อคงไม่กล้าปฏิเสธ... แต่คำถามต่อๆไปคือ
o พี่น้องรู้จักพระคัมภีร์มากเพียงใดหนอ... พี่น้องรักและฟังพระวาจาของพระเจ้ามากแค่ไหนหนอ
o พี่น้องที่รักถึงเวลาปฏิรูปความเป็นคริสตชนคาทอลิกให้เด่นชัดขึ้นไปอีกครับ ถึงเวลาแล้วนะครับ “ในปัจจุบัน ผู้อภิบาล ผู้ร่วมงานอภิบาล และคริสตชนทั่วไปยังมีความรู้และมีทักษะด้านพระคัมภีร์ คำสอน และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและพันธกิจพระศาสนจักรน้อยเกินไป ดังนั้นการศึกษาอบรมด้านต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน” (ข้อเสนอสมัชชาฯ 2015 ข้อที่ 17)
o พี่น้องที่รัก พ่ออยากจะย้ำและยืนยันว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าพระวาจาของพระเจ้า เพื่อเราจะรัก จะได้รู้จักพระองค์ เพื่อเราจะได้รู้จักพระคริสตเจ้า... อยากบอกว่า “ไม่มีทางอื่นครับ” หันมาหาพระวาจาของพระเจ้ากันให้มากที่สุดนะครับ
• พี่น้องที่รัก พรเยซูเจ้าตรัสย้ำว่า.... “เรารู้ว่า พระบัญชาของพระองค์เป็นชีวิตนิรันดร ดังนั้น สิ่งที่เราพูด เราก็พูดดังที่พระบิดาตรัสกับเรา” พ่อสรุปได้ว่า อยากมีชีวิตนิรันดรใช่ไหม... พระวาจาของพระเจ้าเลยครับ ในพระวาจาขอพระองค์ เราจะได้รับชีวิตนิรันดรอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องห่วงเลย... ลุยเลยครับ ยิ่งอ่าน ยิ่งรำพึงไตร่ตรอง ยิ่ง... “ปฏิบัติ” เราจะได้ชีวิตนิรันดรแน่นอน
o พ่ออยากเห็นพี่น้องคริสตชนคาทอลิกรักพระคัมภีร์
o พ่ออยากเห็นพระสังฆราช พระสงฆ์ สังฆนุกร เทศน์ โดยการประกาศพระวาจา เล่าเรื่องพระวาจา อธิบายพระวาจา ให้อรรถาธิบาย ไตร่ตรอง ภาวนาและสอนจริงๆจัง ไม่มีเรื่องเล่าอะไรดีไปกว่าเรื่องของพระคัมภีร์ เรื่องของพระเยซู ไม่มีเรื่องเล่า เรื่องแปล เรื่องจากไลน์ เรื่องจากเฟส เรื่องจาก คนนั้นคนนี้ ไม่มีดีไปกว่าการเทศน์สอนอรรถาธิบายเรื่องพระเยซูเจ้าอีกแล้วครับ
o เชื่อพ่อเถอะ... บางที พระสงฆ์เทศน์เล่าเรื่องที่ได้มาจากไลน์... โอ พระเจ้า ไลน์เป็นพระเจ้าไปแล้ว... จบกัน...
o พ่ออยากเห็น พี่นองร้อนรนกับเรื่องการเรียนพระคัมภีร์ มีมากอยู่ครับ พ่อบรรยาย พ่อเห็นพี่น้องร้อนรนมาก จนพ่อทึ่งใจ และเป็นห่วงสามเณรน้อยใหญ่ พวกเขาอาจะสนใจน้อยกว่าแล้ว... แล้วจะเทศน์สอนอะไรในอนาคตได้...
• ให้เราก้าวออกไปด้วยการเป็นสานุศิษย์ธรรมทูตประกาศพระคริสตเจ้ากันครับ... (ข้อเสนอมัชชาฯ 6)
o คริสตชนทุกคนเป็นสานุศิษย์ธรรมทูต (Missionary Disciple) ด้วยชีวิตของตน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใดในพระศาสนจักร หรือมีความรู้เรื่องความเชื่อในระดับใด ทุกคนต้องเจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดี และมีพันธกิจประกาศข่าวดีตามพระบัญชาของพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าองค์ ความรัก
o เราจึงตอบสนองความรักนี้ด้วยการก้าวออกไปในฐานะธรรมทูต ประกาศความรัก และความเป็นหนึ่งเดียวกันในองค์พระคริสตเจ้า เป็นการร่วมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าในโลกพระอาณาจักรแห่งความจริง ความยุติธรรม ความรัก ความเมตตา และสันติสุข
• ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ