แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

ยน 11:45-56…
45ชาวยิวหลายคนที่มาเยี่ยมมารีย์ และเห็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ก็เชื่อในพระองค์ 46แต่บางคนไปพบชาวฟาริสีเล่าเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำให้ฟัง 47บรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสีจึงเรียกประชุมสภา ปรึกษากันว่า “พวกเราจะทำอย่างไรดี เพราะคนคนนี้ได้ทำเครื่องหมายอัศจรรย์หลายอย่าง” 48ถ้าเราปล่อยเขาไว้อย่างนี้ ทุกคนจะเชื่อเขา แล้วชาวโรมันก็จะมาทำลายทั้งพระวิหาร และชนชาติของเรา” 49คนหนึ่งในที่ประชุมชื่อคายาฟาส เป็นมหาสมณะในปีนั้นกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายไม่เข้าใจอะไรเลย 50ท่านไม่คิดหรือว่า ถ้าคนคนเดียวจะตายเพื่อประชาชน จะเป็นประโยชน์มากกว่า ที่ชนทั้งชาติจะต้องพินาศไป”
51เขาไม่ได้พูดเช่นนี้ตามใจตนเอง แต่ในฐานะที่เป็นมหาสมณะในปีนั้น เขาประกาศพระวาจาว่า พระเยซูเจ้าจะต้องสิ้นพระชนม์เพื่อชนทั้งชาติ 52และไม่ใช่เพื่อชนทั้งชาติเท่านั้น แต่เพื่อจะรวบรวมบรรดาบุตรของพระเจ้าทรงกระจัดกระจายอยู่ให้กลับเป็นหนึ่งเดียวกัน 53ตั้งแต่วันนั้น ที่ประชุมได้ตกลงกัน ที่จะประหารพระองค์ 54ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงไม่เสด็จไปที่ใดอย่างเปิดเผยในหมู่ชาวยิวอีกต่อไป แต่เสด็จไปที่เมืองชื่อเอฟราอิม ในเขตแดนใกล้ถิ่นทุรกันดาร และทรงพำนักอยู่ที่นั่นกับบรรดาศิษย์
55วันปัสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง ประชาชนจำนวนมากเดินทางจากชนบทขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อชำระตนก่อนวันฉลอง 56เขาเหล่านั้นเสาะหาพระเยซูเจ้า และขณะที่ยืนอยู่ในพระวิหารก็ถามกันว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร เขาจะมาในวันฉลองหรือไม่”


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• พระวรสารนักบุญยอห์นวันนี้ซ่อนความจริงไว้ในภาษาของยอห์นหลายประการ ล้วนเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าทั้งสิ้น ใกล้จะถึงปัสกา ยิ่งใกล้เรายิ่งได้สัมผัสความจริงล้ำลึกจากพระวรสารที่สื่อให้เรารู้เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า พระองค์คือใครจริงๆ มีความหมายอะไรสำหรับเราจริงๆ พ่อจะแกะรอยชี้ให้เห็นในภาษาของพระวรสารที่พี่น้องอ่านวันนี้ครับ... เราลองมาแกะรอยดูด้วยกัน พ่อจะใช้วิชาตีความพระคัมภีร์ ตีความวรรณกรรมของยอห์นเป็นพิเศษเพื่อสะกดแกะรอยความจริงแห่งความเชื่อของเราในพระวรสารกันครับ... มีหลายประเด็นที่เราจะได้รู้จักพระเยซูเจ้าและพระธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อของเรา...


• “ชาวยิวหลายคนที่มาเยี่ยมมารีย์ และเห็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ก็เชื่อในพระองค์” การปลุกลาซารัสขึ้นมาจากความตาย ทำให้ชาวยิวหลายคนเชื่อในพระองค์ “การเชื่อในพระเยซูเจ้าคือพลังของการกลับคืนชีพและคือชีวิต” ยอห์นต้องการเน้นให้เห็นว่า... จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้อง เชื่อในพระเยซูเจ้า”

• “บรรดาหัวหน้าสมณะและชาวฟาริสีจึงเรียกประชุมสภา ปรึกษากันว่า “พวกเราจะทำอย่างไรดี เพราะคนคนนี้ได้ทำเครื่องหมายอัศจรรย์หลายอย่าง” ถ้าเราปล่อยเขาไว้อย่างนี้ ทุกคนจะเชื่อเขา แล้วชาวโรมันก็จะมาทำลายทั้งพระวิหาร และชนชาติของเรา””
o นักบุญยอห์นทำให้เราผู้อ่านเห็นว่า... ความอิจฉาของบรรดาสมณะและฟาริสีกำลังบั่นทอนและทำลายพระเยซูเจ้า แสดงว่าคนจำนวนมากกำลังติดตามพระเยซูเจ้า เชื่อในพระเยซูเจ้า และบางทีคนกำลังลุกฮือหนักมาก เพราะพวกเขาเชื่อในพระเยซูเจ้า และดูเหมือนชาวโรมันกำลังจับตามองจริงๆว่า พระเยซูเจ้ามีอิทธิพลมากในคำสอนของพระองค์ คำสอนของพระองค์ ตัวพระองค์เองกำลังเป็นที่ยอมรับ คำสอนของพระองค์กำลังเป็นที่ยอมรับ และที่สำคัญพ่อชี้ประเด็นว่า...
o สิ่งที่น่านสักเกตมาจริงๆ ชาวฟาริสี หัวหน้าสมณะ และสภาซันเฮดรินรวมตัวกันเพื่อ อ้างเรื่องพระวิหาร.. อ้างว่าพวกโรมันพยายามทำลายพระวิหาร เพราะเรื่องพระเยซูเจ้า นั่นเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เบี่ยงเอียงเรื่องศาสนาและศาสนสถานอ้าง เบื้องหลังคือเพราะ “ความอิจฉา” ของพวกเขาและปรารถนาจะทำลายพระเยซูเจ้า...
o พ่อเองอ่านตอนนี้แล้วพ่อเห็นความจริงของพระศาสนจักรมากๆ พระเจ้าคือบ่อเกิดและเป้าหมายของชีวิตของพระศาสนจักร แต่พี่น้องทราบไหมครับ ชาวยิว ผู้ใหญ่ในศาสนายิว สมณะ ฟาริสี ผู้นำทั้งหลายใช้ศาสนาและใช้พระวิหาร เป็นข้ออ้าง เพื่อครองอำนาจของพวกตน พวกเรารู้ความจริงไหม รู้ไหมว่าพระเยซูคือพระแมสซียาห์ ตามที่บรรดาประกาศกได้ประกาศทำนายไว้ รู้ไหมว่า พระองค์เป็นใคร.... ทำไมจะไม่รู้ รู้สิคับ รู้ดีกว่าใครๆ เพราะได้รับทราบถึงพระองค์ ทรงทำอัศจรรย์ได้ตามคำทำนายทุกประการ นี่พระองค์ก็เพิ่งปลุกลาซารัสให้กลับคืนชีพ... และคนก็เชื่อในพระองค์... แต่ยอมไม่ได้ รับไม่ได้ อิจฉา ห่วงตำแหน่งและอำนาจ ทั้งๆที่พวกตนรับใช้ศาสนาเพื่อการรอคอยพระแมสซียาห์ แต่อำนาจทำให้หลง เหลิงเจิ้ง จนลืมบ่อเกิดและเป้าหมาย และก็อิจฉาเพื่อรักษาอำนาจทางศาสนาของพวกตน
o คำสอนดีๆมากสำหรับเราคริสตชน.. สอนพ่อเอง สอนบรรดาสมณะทั้งหลาย สอนบรรดาพวกเราผู้นำทางศาสนาโดยเฉพาะ และก็สอนพี่น้องคริสตชนครับ.. อิจฉาไม่ดีเลย แก่งแย่ง ทำลาย เบียดบังกัน ไม่ดีเลย ไม่ดีจริงๆ และถ้าการเบียดบังกัน การอิจฉากัน หรือทะเลาะเบาะแว้งกันในศาสนา แล้วถ้าเพราะเรื่องเงินทอง ทรัพย์สิน ตำแหน่งหน้าที่ อำนาจ หมดกันเลย... และพี่น้องครับ... พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพราะเหตุนี้...

• “คายาฟาส มหาสมณะในปีนั้นกล่าวว่า “ท่านไม่คิดหรือว่า ถ้าคนคนเดียวจะตายเพื่อประชาชน จะเป็นประโยชน์มากกว่า ที่ชนทั้งชาติจะต้องพินาศไป” เขาไม่ได้พูดเช่นนี้ตามใจตนเอง แต่ในฐานะที่เป็นมหาสมณะในปีนั้น เขาประกาศพระวาจาว่า พระเยซูเจ้าจะต้องสิ้นพระชนม์เพื่อชนทั้งชาติ”
o เจ๊งมากประโยคข้างต้นนี้ ยอห์นซ่อนความหมายสุดลึกล้ำ...คายาฟาสมหาสมณะในปีนั้น พูดเช่นนี้ เป็นการประกาศพระเยซูเจ้าจะต้องสิ้นพระชนม์เพื่อคนทั้งชาติ
o ยอห์นทำให้เราเห็นว่า ระดับมหาสมณะ ปกติเป็นคนตัดสินสุดท้ายเรื่อง “เครื่องบูชาชดเชยบาป” และ “เป็นคนขออภัยบาป เป็นคนสารภาพบาปในนามของทุกคน” ดังนั้น มหาสมณะกล่าวทั้งหมดนี้ ยอห์นย้ำว่า “เขาพูดในฐานะมหาสมณะในปีนั้น” สุภาษิตลาตินกล่าวว่า “ถ้าเขาพูดก็จบ คือจริงตามนั้น”
o ดังนั้น การเสนอความคิดของคายาฟาส เป็นการพูดแบบเป็นทางการ อย่างสง่าถึงความจริงๆว่า พระเยซูคือผู้ลบล้างบาปของมนุษย์ทุกคน ทรงตายเพื่อความรอดของทุกคนจริงๆ “เด็ดขาด” สำหรับเรา คือ ปัสกาที่กำลังจะมาถึง ที่เราจะฉลองดังเช่นทุกปี... เป็นที่เด็ดขาดครับ.. พระเยซูเจ้าคือผู้ที่เป็นลูกแกะปัสกา เป็นลูกแกะของพระเจ้า การสิ้นพระชนม์ของพระองค์จะเป็นการลบล้างบาปของโลกและมนุษย์ทั้งมวล
o สมณะประกาศพระวาจาของพระเจ้า “พระวาจาของพระเจ้า” ดังนั้น ถือเป็นที่สิ้นสุดจริงๆ มหาสมณะไม่ได้พูดเอง แต่ ยอห์นสื่อลึกๆให้เราเห็นว่า “การที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์นั้น คือ พระวาจาหรือพระประสงค์ของพระเจ้า” ที่ได้กล่าวทำนายไว้ทางบรรดาประกาศกในพระคัมภีร์จริงๆ
o พี่น้องที่รัก การอ่านพระวรสารนักบุญยอห์น ต้องค้นพบความล้ำลึกและแยบยลของยอห์น ที่ใช้สัญลักษณ์มากในการเขียนพระวรสาร และพระวรสารนี้ทำให้เราได้รับรู้ความจริงอย่างลึกซึ้งเหลือเกิน และมีอำนาจแห่งการประกาศข่าวดีแทรกอยู่ตลอดเวลา

• “ตั้งแต่วันนั้น ที่ประชุมได้ตกลงกัน ที่จะประหารพระองค์”
o เรื่องความอิจฉา การวางแผนกำจัดพระเยซู เราทราบจากพระวรสารทุกเล่ม ยอห์นทำให้เราเห็นความเลวร้ายของบรรดาสมณะและฟาริสี... ความเลวร้ายอย่างยิ่งของความอิจฉาริษยา และความอิจฉานี้นำไปสู่การทำร้าย การวางแผนและการฆาตกรรมพระเยซูเจ้าในที่สุด
o พวกมากลากไป ร้องตะโกน ลงความเห็น “เอาไปตรึงกางเขน” จนในที่สุด พวกเขายุยงประชาชนให้ร้องขอนำพระองค์ไปตรึงกางเขน
o นี่คือความล้ำลึกของพระวรสารที่น่าเรียนรู้อย่างยิ่ง เป็นบทสอนสำคัญสำหรับพวกเราคริสตชนจริงๆ พี่น้องที่รัก เราจำเป็นต้องเรียนรู้อย่างจริงจัง และพ่อคิดว่าสิ่งที่ตรงข้ามกับความรักหรือตรงข้ามกับพระเจ้ามากที่สุดคือความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษาและความเกลียดชัง... นี่เป็นประเด็นที่เราควรไตร่ตรอง และเติบโตครับ

• “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร เขาจะมาในวันฉลองหรือไม่”
o คำถามของพวกเขาที่ถามว่า คิดอย่างไร พระเยซูเจ้าจะมาในวันฉลองปัสกาหรือไม่
o พี่น้องที่รัก.. พระเยซูเจ้าต้องมาครับ ยอห์นนำเสนอว่าพระเยซูเจ้าคือลูกแกะปัสกา พระองค์คือลูกแกะที่จะต้องถูกประหาร เพื่อลบล้างบาปของโลก....
o พี่น้องที่รัก เราใกล้ปัสกาอีกแล้ว พ่อขอให้เรายอมรับความจริง สมณะคายาฟาสประกาศ และพระวรสารสรุปชัดมากครับ พ่อขอให้เราได้เชื่อเต็มเปี่ยมครับ พระเยซูคือองค์ปัสกาของเรา ทรงสละพระโลหิตเพื่อชดเชยบาปของเรา และพ่อคิดว่า บาปที่จะทำให้เราปิดใจไม่ยอมรับพระองค์ คือ ความอิจฉา ความเกลียดชัง ดังเช่นบรรดาสมณะและฟาริสีซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาทั้งนั้น...
o ดังนั้น บทสอนที่แสนดีคือให้เรายอมรับ อ่อนน้อมยอมรับด้วยความรักต่อพระองค์
o ยิ่งถ้าเราเป็นคนศาสนา เป็นพระสงฆ์นักบวช ยิ่งเราต้องถ่อมตนและยอมรับเต็มกำลังครับ.. เป็นพระองค์ที่สำคัญ ไม่ใช่เราครับ.. และ
o พี่น้องคริสตชนด้วยนะครับ ความสุภาพ ถ่อมตน น่ารัก คือการยอมรับพระเยซูเจ้าจริงๆ เช่นกัน... ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ