วันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 17:20-25)
เวลานั้น เมื่อชาวฟาริสีทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เวลานั้นจะมาถึงเมื่อท่านปรารถนาเห็นวันของบุตรแห่งมนุษย์แม้เพียงวันเดียว แต่จะไม่ได้เห็น จะมีหลายคนกล่าวกับท่านว่า ‘บุตรแห่งมนุษย์อยู่ที่นั่น’ หรือ ‘บุตรแห่งมนุษย์อยู่ที่นี่’ ท่านอย่าออกไป อย่าตามไป เพราะเมื่อสายฟ้าแลบ ย่อมส่องสว่างจากขอบฟ้าหนึ่งไปถึงอีกขอบฟ้าหนึ่งฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาในวันของพระองค์ฉันนั้น แต่ก่อนจะถึงวันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จำเป็นต้องรับการทรมานอย่างมาก และจำเป็นที่คนยุคนี้ไม่ยอมรับพระองค์”
ลก 17:20-21 พระอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่บางสิ่งที่สามารถจับต้องหรือวัดได้ด้วยข้อเท็จจริงและข้อมูลเชิงประจักษ์ แต่หมายถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกซึ้งของพระคริสตเจ้ากับบรรดาศิษย์ของพระองค์ มากกว่า การแผ่ขยายของพระอาณาจักรคือผลแห่งความรักของพระเจ้าที่เปี่ยมล้น ดังนั้น บรรดานักบุญจึงเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างมากที่สุดในงานแห่งการประกาศข่าวดี
“พระอาณาจักรจงมาถึง”
CCC ข้อ 2816 ในพันธสัญญาใหม่ คำภาษากรีกคำเดียวว่า basileia อาจแปลได้ว่า “การเป็นกษัตริย์” (อาการนาม– abstract noun) หรือ “พระอาณาจักร” (วัตถุนาม – concrete noun) หรือ “รัชสมัย” “ช่วงเวลาที่เป็นกษัตริย์” (นามการกระทำ – noun of action) พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ก่อนเรา เข้ามาใกล้เราในพระวจนาตถ์ผู้รับสภาพมนุษย์ ได้รับการประกาศในพระวรสารทั้งหมด มาถึงในการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้า พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงตั้งแต่การเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายและในศีลมหาสนิท พระอาณาจักรนี้ยังคงอยู่ในหมู่เรา พระอาณาจักรจะมาในสิริรุ่งโรจน์เมื่อพระคริสตเจ้าจะทรงมอบพระอาณาจักรนี้แด่พระบิดาของพระองค์ “พระอาณาจักรของพระเจ้ายังอาจหมายถึงพระคริสตเจ้าเองที่เราปรารถนาให้เสด็จมาถึงทุกวัน และเราอยากให้เสด็จมาถึงเราโดยเร็วด้วย เพราะในเมื่อพระองค์ทรงเป็นการกลับคืนชีพ เพราะเราก็กลับคืนชีพในพระองค์ ดังนี้พระอาณาจักรของพระเจ้ายังอาจเข้าใจได้ว่าเป็นพระองค์ เพราะเราจะเป็นกษัตริย์ครองราชย์ในพระองค์ด้วย”
ลก 17:22-37 พระวาจาของพระคริสตเจ้าในที่นี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับเหตุการณ์ในบริบทเรื่องการทำลายกรุงเยรูซาเล็ม รวมทั้งของวันสิ้นโลกด้วย ทุกคนจะเห็นการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ ดังนั้นเราจึงต้องระวังพวกที่อ้างว่าได้รับเครื่องหมายสำคัญและการเปิดเผยเกี่ยวกับวันสิ้นโลก เนื่องจากการเสด็จกลับมาของพระคริสตเจ้าเป็นสิ่งที่แน่นอน เราจึงต้องคอยเฝ้าระวังและดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์ต่อพระองค์อยู่เสมอ เพื่อมิให้วันนั้นมาถึงโดยไม่รู้ตัว
การทดสอบพระศาสนจักรขั้นสุดท้าย
CCC ข้อ 675 ก่อนที่พระคริสตเจ้าจะเสด็จมา พระศาสนจักรจะต้องผ่านการทดลองสุดท้ายที่จะทำให้ความเชื่อของผู้มีความเชื่อหลายคนต้องสั่นคลอนการเบียดเบียนซึ่งจะอยู่เคียงข้างกับการเดินทางของพระศาสนจักรในโลกนี้ จะเปิดเผยให้เห็น “ธรรมล้ำลึกแห่งความชั่วร้าย” ในรูปของความหลอกลวงทางศาสนาที่เสนอวิธีแก้ปัญหาอย่างเสแสร้งทำให้หลายคนต้องยอมปฏิเสธความจริง ความหลอกลวงด้านศาสนาที่ร้ายแรงที่สุดนั้นก็คือความหลอกลวงของผู้เป็นปฏิปักษ์กับพระคริสตเจ้า (Antichrist) หรือพระเมสสิยาห์จอมปลอมที่ทำให้มนุษย์ยกย่องตนเองแทนพระเจ้าและพระเมสสิยาห์ของพระองค์ผู้เสด็จมารับสภาพมนุษย์
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)