แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

วันศุกร์ สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 6:39-42)                                       

เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า ‘พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง” 


ลก 6:39-49  เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พระคริสตเจ้าทรงสอนถึงความจำเป็นของความสุภาพถ่อมตนและความรักเมตตาที่แท้จริงว่า เป็นดังแรงบันดาลใจของการกระทำภายนอกของเรา เราต้องรักษากฎหมายและพระบัญญัติไว้ด้วยจิตตารมณ์แห่งความเชื่อ ความหวัง และความรัก การกระทำภายนอกของเราจะต้องเต็มเปี่ยมด้วยความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์

คุณธรรม

CCC ข้อ 1833 คุณธรรมคือความโน้มเอียงมั่นคงเป็นประจำที่จะทำดี

พระหรรษทาน

CCC ข้อ 2000 พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรเป็นของประทานถาวร เป็นความพร้อมมั่นคงเหนือธรรมชาติที่ทำให้วิญญาณสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อจะได้ดำรงชีวิตกับพระเจ้าและปฏิบัติงานเพราะความรักต่อพระองค์ เราต้องแยกพระหรรษทานถาวร (habitual grace) ซึ่งเป็นความพร้อมมั่นคงเพื่อดำเนินชีวิตและปฏิบัติงานตามการเรียกร้องของพระเจ้า จากพระหรรษทานปัจจุบัน (actual grace) ซึ่งหมายถึงการที่พระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องจัดการไม่ว่าในการเริ่มกลับใจ หรือในการปฏิบัติงานบันดาลความศักดิ์สิทธิ์สืบต่อไป


ลก 6:41-42  พวกคนหน้าซื่อใจคดจะคอยจับผิดความผิดพลาดของผู้อื่น แต่เวลาเดียวกันเขาไม่ทำกับตนเองในสิ่งที่ตนทำผิดหรืออาจจะผิดมากกว่าคนอื่นอีก เฉพาะเมื่อเรามีความจริงใจต่อความผิดพลาดของตัวเองและเรียกร้องตนเองให้แก้ไขเท่านั้น เราจึงจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้เอาชนะความผิดพลาดของพวกเขาได้อย่างแท้จริง 

(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)