วันศุกร์ สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมัทธิว (มธ 5:27-32)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านได้ยินคำกล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดของท่านตกนรก ถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดตกนรก มีคำกล่าวว่า ผู้ใดจะหย่ากับภรรยา ก็จงทำหนังสือหย่ามอบให้นาง แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดที่หย่ากับภรรยา ยกเว้นกรณีแต่งงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เท่ากับว่าทำให้นางล่วงประเวณี และผู้ใดที่แต่งกับหญิงที่ได้หย่าร้าง ก็ล่วงประเวณีด้วย”
มธ 5:27-28 บาปผิดประเวณีคือกิจการทางเพศใดๆ ของชายหรือหญิงที่แต่งงานแล้วกระทำต่อผู้มิใช่คู่สมรสของตน พระธรรมประเพณีสอนว่าพระบัญญัติประการที่ 6 กินความรวมไปถึงบาปทั้งหมดที่ผิดต่อศีลธรรมทางเพศ คือการล่วงประเวณี กิจกรรมรักร่วมเพศ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง และบาปอื่นๆ ที่ผิดต่อความบริสุทธิ์ การล่วงประเวณีทางใจซึ่งเป็นความปรารถนากระทำกิจทางเพศที่ไม่ถูกต้องก็ถือว่าเป็นบาปหนักด้วยเช่นกัน ประกาศกโฮเชยาและประกาศกเยเรมีย์เปรียบเทียบว่าการนมัสการพระเท็จเทียมถือว่าเป็นบาปผิดประเวณีด้วย (เทียบ ยรม 5:7; 13:27)
การสารภาพบาป
CCC ข้อ 1456 การสารภาพบาปต่อพระสงฆ์เป็นองค์ประกอบสำคัญของศีลอภัยบาป “ผู้กลับใจเป็นทุกข์ถึงบาปต้องสารภาพบาปหนักทุกข้อที่เขาสำนึกได้หลังจากได้เอาใจใส่พิจารณามโนธรรมแล้ว แม้จะเป็นบาปที่เป็นความลับที่สุดซึ่งได้ทำผิดต่อพระบัญญัติสองประการสุดท้ายด้วย บาปเหล่านี้บางครั้งทำให้วิญญาณบาดเจ็บหนักกว่า และเป็นอันตรายมากกว่าบาปที่ได้ทำไปอย่างเปิดเผยเสียด้วย” “เมื่อผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าพยายามสารภาพบาปทุกข้อที่เราระลึกได้ ก็ไม่ต้องสงสัยว่าเขาแสดงบาปทุกข้อเพื่อรับอภัยจากพระกรุณาของพระเจ้า ส่วนผู้ที่ทำอย่างอื่นและไม่ยอมสารภาพบาปบางข้อโดยรู้ตัว ก็ไม่เสนออะไรแก่พระทัยดีของพระเจ้าเพื่อจะรับอภัยบาปผ่านทางพระสงฆ์ ‘ถ้าคนป่วยอายที่จะแสดงบาดแผลแก่แพทย์ ยาก็ไม่อาจรักษาโรคที่มันไม่รู้จักได้’”
“พระองค์ทรงสร้างเขาให้เป็นชายและหญิง...”
CCC ข้อ 2336 พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อทรงสถาปนาสิ่งสร้างให้มีความบริสุทธิ์เหมือนเมื่อแรกเริ่ม ในการเทศน์สอนบนภูเขาพระองค์ทรงอธิบายแผนการของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด “ท่านได้ยินคำกล่าวว่า อย่าล่วงประเวณี แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว” (มธ 5:27-28) มนุษย์ต้องไม่แยกสิ่งที่พระเจ้าทรงรวมไว้ ธรรมประเพณีของพระศาสนจักรเข้าใจพระบัญญัติประการที่หกว่าเป็นการรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศทั้งหมดของมนุษย์
การเป็นชู้
CCC ข้อ 2380 การเป็นชู้ การมีชู้ คำนี้หมายถึงความไม่ซื่อสัตย์ของคู่สมรส เมื่อสองคน ที่อย่างน้อยคนหนึ่งแต่งงานแล้ว มีเพศสัมพันธ์กัน – แม้ไม่เป็นการถาวร - เขาย่อมเป็นชู้กัน พระคริสตเจ้าทรงประณามการเป็นชู้ แม้แต่เพียงปรารถนาจะทำเท่านั้นด้วย พระบัญญัติประการที่หกและพันธสัญญาใหม่ห้ามไม่ให้เป็นชู้กันโดยเด็ดขาด บรรดาประกาศกยังกล่าวถึงความหนักของบาปประการนี้ด้วย ท่านเหล่านี้เห็นว่าการเป็นชู้เป็นภาพของการนับถือรูปเคารพ
CCC ข้อ 2381 การเป็นชู้เป็นความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง ผู้ทำบาปนี้ บกพร่องการปฏิบัติหน้าที่ของตน เขาทำลายเครื่องหมายของพันธสัญญาซึ่งได้แก่พันธะของการสมรส เขาฝ่าฝืนสิทธิของคู่สมรสและทำร้ายสถาบันการสมรส ละเมิดคำสัญญาซึ่งเป็นพื้นฐานของสถาบันนี้ เขาทำให้ความดีของการให้กำเนิดชีวิตมนุษย์ตกอยู่ในอันตรายรวมทั้งยังทำร้ายผลประโยชน์ของบุตรซึ่งต้องการความสัมพันธ์ถาวรของบิดามารดา
การต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์
CCC ข้อ 2523 ความสงบเสงี่ยมมีทั้งของความรู้สึกและของร่างกายด้วย เช่น ความสงบเสงี่ยมยังต่อต้านการดูรูปโป๊เปลือยอย่างสอดรู้สอดเห็นหรือการใช้รูปโป๊เปลือยเพื่อการโฆษณา หรือไปไกลกว่านั้นโดยเปิดเผยความลับที่ถูกฝากไว้ฉันมิตร ความสงบเสงี่ยมเป็นแรงบันดาลใจให้ดำเนินชีวิตที่ช่วยให้ต่อต้านความดึงดูดของแฟชั่นและแรงผลักดันของอุดมการณ์ที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง
CCC ข้อ 2524 ความสงบเสงี่ยมมีรูปแบบหลายหลากแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมต่างๆ ถึงกระนั้นความสงบเสงี่ยมที่ไหนไม่ว่ายังคงเป็นความสำนึกถึงศักดิ์ศรีทางจิตใจที่เป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์ เกิดมาจากการตื่นตัวของมโมธรรมของผู้เกี่ยวข้อง การสั่งสอนเด็กและเยาวชนให้มีความสงบเสงี่ยมจึงเป็นการส่งเสริมความเคารพต่อบุคคลมนุษย์
CCC ข้อ 2525 ความบริสุทธิ์แบบคริสตชนเรียกร้องให้บรรยากาศด้านสังคมบริสุทธิ์ด้วย จึงเรียกร้องการให้ข้อมูลทางอุปกรณ์สื่อสารมวลชนได้ระมัดระวังมีความเคารพและความพอดี การมีใจบริสุทธิ์ช่วยให้พ้นจากสื่อเร่งเร้าทางเพศที่กำลังขยายตัวและขจัดการแสดงบันเทิงที่ส่งเสริมความสอดรู้สอดเห็นที่ผิดศีลธรรมและการชอบดูภาพลามก
CCC ข้อ 2526 สิ่งที่เรียกว่า การปล่อยตัวทำตามใจในเรื่องศีลธรรม ตั้งอยู่บนความคิดที่ผิดเรื่องเสรีภาพของมนุษย์ เสรีภาพเช่นนี้จะมีได้เรียกร้องให้ตนเองมีการอบรมศึกษาในเรื่องกฎศีลธรรมเสียก่อน จึงจำเป็นต้องเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบการให้การศึกษาอบรมที่จะต้องให้เยาวชนได้รู้จักเคารพความจริง คุณสมบัติทางจิตใจและศักดิ์ศรีทางศีลธรรมและจิตวิญญาณของมนุษย์
CCC ข้อ 2527 “ข่าวดีของพระคริสตเจ้าเสริมสร้างชีวิตและอารยธรรมของมนุษย์ที่ตกในบาปแล้วอยู่เสมอ และยังต่อต้านและขจัดความผิดและความชั่วร้ายที่สืบเนื่องมาจากการประจญล่อลวงอยู่ตลอดเวลาของบาป ไม่เคยหยุดยั้งที่จะชำระและยกย่องความประพฤติของมวลประชากรให้สูงขึ้น สนับสนุนและส่งเสริมความงดงามของจิตใจและคุณสมบัติของประชาชนทุกยุคทุกสมัยให้ร่ำรวยยิ่งขึ้นจากภายในโดยคุณสมบัติจากเบื้องบน ประทานพลังจากภายใน บันดาลความมั่นคงและสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้า”
ใจบริสุทธิ์
CCC ข้อ 2528 “ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว” (มธ 5:28)
CCC ข้อ 2529 พระบัญญัติประการที่เก้าปรามเราให้ระวังไม่ปรารถนาหรือมีความใคร่ทางเพศ
CCC ข้อ 2530 การต่อสู้กับความใคร่ทางเพศรวมไปถึงการชำระจิตใจและฝึกหัดการบังคับตน
CCC ข้อ 2531 การมีใจบริสุทธิ์ช่วยให้เราแลเห็นพระเจ้า และยังช่วยเราตั้งแต่เดี๋ยวนี้ให้มองเห็นทุกอย่างตามที่พระเจ้าทรงประสงค์
CCC ข้อ 2532 การมีใจบริสุทธิ์เรียกร้องให้มีการอธิษฐานภาวนา การฝึกฝนความบริสุทธิ์ มีเจตนาและวิสัยทัศน์ที่บริสุทธิ์
CCC ข้อ 2533 การมีใจบริสุทธิ์เรียกร้องให้มีความสงบเสงี่ยมซึ่งเป็นความรู้จักอดกลั้น การแต่งกายเรียบร้อยถูกกาลเทศะ ความสงบเสงี่ยมปกปักรักษาความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจของบุคคลด้วย
มธ 5:29-30 จงควักมันทิ้งเสีย : คำเตือนนี้กระตุ้นให้คริสตชนปฏิเสธทุกสิ่งที่แยกเขาออกจากพระเจ้าอย่างเด็ดขาด คริสตชนต้องทำงานอย่างหนัก หมายความว่าต้องต่อสู้กับการประจญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประจญในเรื่องความบริสุทธิ์ แบบอย่างของพระคริสตเจ้าเป็นการเตือนว่าทุกคนต้องเฝ้าระวังความรู้สึกต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้ทำบาป
ความหมายของความเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว
CCC ข้อ 226 เราต้องใช้สิ่งสร้างอย่างดี – ความเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียวนำเราให้ใช้ทุกสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าในแบบที่สิ่งสร้างเหล่านี้นำเราให้เข้าใกล้พระองค์ยิ่งขึ้น และให้เราแยกตนจากสิ่งสร้างเหล่านี้เพื่อมิให้มันนำเราให้หันเหออกจากพระองค์
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงนำไปจากข้าพเจ้าอะไรไม่ว่าที่ขัดขวางไม่ให้ข้าพเจ้าเข้าหาพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดประทานแก่ข้าพเจ้าอะไรไม่ว่าที่นำข้าพเจ้าเข้าหาพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดปลดเปลื้องข้าพเจ้าออกจากตนเอง และทำให้ข้าพเจ้าเป็นของพระองค์โดยสิ้นเชิง”
นรก
CCC ข้อ 1034 พระเยซูเจ้าตรัสบ่อยๆ ถึง “เกเฮนนา – ขุมไฟที่ไม่รู้จักดับ” ที่สงวนไว้สำหรับผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อและกลับใจจนถึงปลายชีวิตของตนเมื่อวิญญาณและร่างกายอาจถูกทำลายได้ พระเยซูเจ้าทรงใช้พระวาจารุนแรงแจ้งว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะใช้ทูตสวรรค์มารวบรวม [...] ทุกคนที่ประกอบการอธรรมให้ออกจากพระอาณาจักร แล้วเอาไปทิ้งในกองไฟ” (มธ 13:41-42) และพระองค์จะทรงประกาศคำตัดสินลงโทษ “ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดร” (มธ 25:41)
มธ 5:31-32 พระเจ้าทรงให้มีการแต่งงานเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวอย่างแบ่งแยกมิได้ระหว่างชายหนึ่งและหญิงเดียว โดยการตั้งศีลสมรสและการยอมให้มีข้อยกเว้นที่อนุญาตให้หย่าร้างได้ภายใต้กฎของโมเสส พระคริสตเจ้าทรงยกระดับการแต่งงานสู่สภาวะตามจุดประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้า ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย : นักวิชาการบางคนบอกว่าคำนี้หมายถึงการไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่สมรส อีกบางคนโต้ว่าหมายถึงการแต่งงานที่ไม่ถูกต้อง เช่น ระหว่างญาติสนิท หรือระหว่างชาวยิวกับคนต่างศาสนา ในทั้งสองกรณีต่างก็ละเมิดธรรมบัญญัติ (เทียบ ลนต 18:7-13) อย่างไรก็ตามเมื่อมีการแต่งงานระหว่างชายหญิงคริสตชนแล้ว ก็ไม่สามารถแยกจากกันได้อีกนอกจากเมื่อสิ้นชีวิตเท่านั้น
การกล่าวพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่เหมาะสม
CCC ข้อ 2150 พระบัญญัติประการที่สองห้ามการสาบานเท็จ การสาบานคือการนำพระเจ้ามาเป็นพยานในเรื่องที่ตนกล่าวยืนยัน เป็นการเรียกความสัตย์จริงของพระเจ้ามาเป็นประกันว่าตนพูดความจริง การสาบานนำพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาใช้ “ท่านจะต้องยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องกราบไหว้พระองค์และสาบานโดยออกพระนามพระองค์เท่านั้น” (ฉธบ 6:13)
CCC ข้อ 2151 ป็นหน้าที่ต่อพระเจ้า ที่จะไม่ยอมรับการสาบานเท็จ พระเจ้าในฐานะพระผู้เนรมิตสร้างและองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นกฎของความจริงทุกประการ ถ้อยคำของมนุษย์สอดคล้องหรือขัดแย้งกับพระเจ้าผู้ทรงเป็นความจริง การสาบาน ถ้าจริงและถูกต้อง เน้นว่าถ้อยคำของมนุษย์มีความสัมพันธ์กับความจริงของพระเจ้า การสาบานเท็จเรียกพระเจ้าให้มาเป็นพยานยืนยันคำมุสา
CCC ข้อ 2152 ผู้ที่สัญญาด้วยการสาบาน โดยไม่มีเจตนาจะปฏิบัติตาม หรือหลังจากสัญญาโดยสาบานแล้วไม่ถือคำสัญญานั้น ก็เป็นผู้ทวนสาบาน (ผิดคำสาบาน) การทวนสาบานนับเป็นความผิดหนักเพราะขาดความเคารพต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของคำพูดทั้งหลาย การผูกมัดตนเองด้วยคำสาบานว่าจะทำชั่วขัดกับความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระนามของพระเจ้า
CCC ข้อ 2153 พระเยซูเจ้าทรงอธิบายพระบัญญัติประการที่สองนี้ในบทเทศน์บนภูเขา “ท่านได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าผิดคำสาบาน แต่จงทำตามที่ได้สาบานไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย [...] ท่านจงกล่าวเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ คำพูดที่มากไปกว่านั้นมาจากมารร้าย” (มธ 5:33-34, 37) พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าคำสาบานทั้งหลายหมายถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเราต้องให้เกียรติแก่การประทับอยู่ของพระเจ้าและความจริงของพระองค์ในคำพูดทุกคำ เราต้องระวังตัวกล่าวอ้างถึงพระเจ้าแต่พอควรพร้อมกับให้ความเคารพต่อการประทับอยู่ของพระองค์ซึ่งเราเป็นพยานถึงหรือลบหลู่ในคำพูดทุกคำของเรา
ดำเนินชีวิตในความจริง
CCC ข้อ 2466 ความจริงของพระเจ้าปรากฏชัดเจนอย่างสมบูรณ์ในพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริงทรงเป็น “แสงสว่างส่องโลก” (ยน 8:12) พระองค์ทรงเป็นความจริง ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ไม่อยู่ในความมืด ศิษย์ของพระเยซูเจ้ายึดมั่นในพระวาจาของพระองค์เพื่อจะรู้ความจริงซึ่งจะช่วยให้เป็นอิสระและบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์ การติดตามพระเยซูเจ้าเป็นการดำเนินชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแห่งความจริงที่พระบิดาทรงส่งมาในพระนามของพระองค์ผู้ทรงนำเราไปสู่ความจริงทั้งมวล” (ยน 16:13) พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ให้รักความจริงโดยไม่มีเงื่อนไข “ท่านจงกล่าวเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’” (มธ 5:37)
(จากหนังสือ THE DIDACHE BIBLE with commentaries based on the Catechism of the Catholic Church, Ignatius Bible Edition)