วันเสาร์ สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา (ลก 21:34-36)
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวิตนี้ มิฉะนั้น วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างฉับพลันเหมือนบ่วงแร้ว เพราะวันนั้นจะลงมาเหนือทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด เพื่อท่านจะมีกำลังหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นนี้ ไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้”
มีสิ่งใดไหมที่ขัดขวางท่านมิให้พบกับความชื่นชมยินดีและอิสรภาพของพระเจ้า พระเจ้าทรงประสงค์ให้ใจของท่านมุ่งแสวงหาพระองค์และพระอาณาจักรแห่งสันติสุข ความยินดีและความยุติธรรมของพระองค์ (รม 14:17) แต่จริงๆ แล้ว ใจของเรามักไขว้เขวไปกับหลายสิ่งหลายอย่าง พระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ ประทานอิสรภาพแท้แก่เรา เป็นอิสรภาพจากอำนาจของบาปและชีวิตที่ไม่เป็นแก่นสาร อิสรภาพจากความปรารถนานอกลู่นอกทางและราคะตัณหา ดังเช่น การบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม หรือสิ่งอื่นๆ จนทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นนายแทนที่จะรับใช้เรา พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้ใจของเรามุ่งหาแต่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือ ความรักต่อพระเจ้าและความจริงของพระองค์ ซึ่งช่วยให้เราเลือกแต่สิ่งดีและปฏิเสธสิ่งชั่วร้ายที่เป็นภัยต่อเรา
จงเตรียมตัวให้พร้อมที่จะพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนี้
พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราให้ระวังการประจญของการใช้ชีวิตอย่างซังกะตาย ความนิ่งเฉยฝ่ายจิต เกียจคร้าน ไม่สนใจอะไรเลย หรือไม่แยแสต่อการสถิตอยู่ของพระเจ้า ต่อพระวาจาและการทรงนำของพระองค์ในชีวิตของเรา เราจะนอนหลับทางด้านจิตใจหากเราหลงใหลไปกับสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราออกนอกหนทางแห่งความจริงของพระเจ้าและพระอาณาจักรของพระองค์ เป็นการง่ายมากที่จะปล่อยตนเองให้ติดอยู่กับสิ่งต่างๆ ในปัจจุบันหรือจมอยู่กับความห่วงใยและความวิตกกังวลมากมาย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาให้เราพร้อมที่จะพบกับพระองค์ในทุกเวลา ไม่ว่าในยามตื่นนอนหรือรับประทานอาหาร ทำงานหรือพักผ่อน พระองค์จะเสด็จมาเพื่อดึงดูดเราเข้าหาพระองค์ แล้วท่านล่ะ มีความตื่นตัวและใส่ใจต่อพระสุรเสียงของพระองค์บ้างไหม
บอกเล่าถึงปัญหาของท่านกับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงกำลังฟังท่านอยู่
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบถึงความยากลำบาก ความอ่อนแอและข้อบกพร่องของเรา พระองค์ประทานกำลังใจว่าเราไม่ต้องแบกรับแอกเหล่านั้นตามลำพัง หรือต้องต่อสู้โดยไร้ความช่วยเหลือ พระองค์สถิตอยู่และทรงพร้อมเสมอที่จะประทานพละกำลัง การทรงนำและความช่วยเหลือทุกประการอย่างแก่เราเพื่อต่อสู้กับการประจญและช่วยเราให้ดำรงอยู่ในหนทางแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้า แต่มีสิ่งหนึ่งที่พระองค์ไม่พอพระทัยคือ ความเฉื่อยเฉย ท่าทีของการไม่ใส่ใจและการไม่ทำอะไรเลย พระองค์ทรงต้องการให้เรามอบวางความวิตกกังวลต่างๆ ไว้กับพระองค์ ให้เราวอนขอการทรงนำและความช่วยเหลือจากพระองค์ ท่านล่ะ ได้อธิษฐานภาวนาวอนขอพละกำลังและปรีชาญาณจากพระเจ้าบ้างหรือไม่
ในระหว่างช่วงเวลารอคอยการเสด็จกลับมาของพระองค์นี้ เราอาจพบกับปัญหา การทดลอง และการประจญต่างๆ ได้ ศัตรูของเราคือปีศาจไม่เคยหยุดนิ่งที่จะล่อลวงเราให้ออกห่างจากพระประสงค์ที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา หากปีศาจไม่สามารถทำให้เราปฏิเสธความเชื่อในพระคริสตเจ้าได้ มันก็จะค่อยๆ พยายามทำให้เราออกห่างจากการแสวงหาพระเจ้า โดยละทิ้งการภาวนาและการรับฟังพระวาจาของพระเจ้า ท่านจงวอนขอพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงจุดไฟแห่งความรักของพระองค์ในตัวท่าน เพื่อท่านจะมีความพร้อมและปรารถนาจะพบกับพระองค์เมื่อพระองค์จะเสด็จมาอีกครั้งหนึ่ง
จากบทอ้างอิงประจำวันเรื่อง ความมึนเมาทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนแอลง ของ ออรีจีน แห่ง อาเลสซันเดรีย ปิตาจารย์สมัยแรกของพระศาสนจักร (ค.ศ. 185-254)
“‘ท่านจงระมัดระวังตนเองไว้ เพื่อมิให้จิตใจของท่านจมอยู่กับการเสเพล ความเมามายและความกังวลใจในชีวิตนี้ แล้ววันนั้นจะมาถึงท่านอย่างกะทันหันเหมือนบ่วงแร้ว’ ท่านได้ยินคำประกาศถึงองค์กษัตริย์นิรันดร ได้เรียนรู้ถึงจุดจบอันน่าสังเวชของ ‘ความมึนเมา’ และ ‘ความมัวเมา’ ให้ท่านลองจินตนาการถึงแพทย์ผู้ชำนาญการและเก่งกาจที่กล่าวว่า ‘จงระวัง อย่าให้ใครดื่มสมุนไพรชนิดนี้หรือชนิดนั้นมากเกินไป มิฉะนั้นสุขภาพของเขาจะทรุดโทรมลงทันที’ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าทุกคนจะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อสุขภาพที่ดีของตน ดังนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า แพทย์ฝ่ายวิญญาณและร่างกายของเรา ทรงบัญชาให้เราหลีกเลี่ยงการเสพสมุนไพรพิษแห่ง ‘ความมึนเมา’ และราคะแห่ง ‘ความมัวเมา’ ที่ให้โทษถึงตาย ตลอดจนการหลงใหลในสิ่งของแห่งโลกนี้ ข้าพเจ้าไม่ทราบว่ามีผู้ใดสามารถกล่าวได้ว่า เขาไม่ได้รับผลกระทบเลยหลังจากที่ได้เสพสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว
ดังนั้น การปล่อยตัวในความมึนเมาจึงทำลายทุกสิ่ง เพราะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจและร่างกายอ่อนแอ ตามที่นักบุญเปาโล อัครสาวกกล่าวไว้ว่า เมื่อใดที่ร่างกายจะ ‘อ่อนแอ’ เมื่อนั้นจิตใจ ‘ก็ย่อมเข้มแข็ง’ ขึ้น (เทียบ 2คร 12:10) และเมื่อใดที่ ‘ร่างกายภายนอกกำลังเสื่อมสลายไป จิตใจของเราที่อยู่ภายในก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้น’ (เทียบ 2คร 4:16) โรคร้ายแห่งความมึนเมานี้จะทำให้ทั้งด้านร่างกายและจิตใจจะถูกทำลายไปในเวลาเดียวกัน วิญญาณจะเสื่อมโทรมไปพร้อมกับเนื้อหนัง อวัยวะทั้งหมดจะอ่อนแอลงทั้งเท้าและมือ ลิ้นจะคลาย ความมืดจะปกคลุมดวงตา ความหลงลืมปกคลุมจิตใจจนจะไม่รู้จักอีกต่อไปว่าตนเองเป็นคน ความมึนเมาฝ่ายร่างกายนำสู่ความน่าอัปยศเช่นนี้แหละ” (คัดจากบทเทศน์เกี่ยวกับหนังสือเลวีนิติ 7:5-6)